ชี้เปรี้ยง!! งานวิจัย USA เผยแพทย์ต่อต้านปุ๊น เหตุขาดความรู้-การเมืองครอบงำ ซ้ำรอยหมอในไทย?
1 min read
สถาบันการศึกษาเพื่อสายเขียว NORML เผยแพร่งานวิจัยทางกาแรพทย์ที่ถูกตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ JAMA (Journal of the American Medical Association) Network Open โดยศึกษาปัญหาของผู้ป่วยปุ๊นซึ่งถูกแพทย์ปฏิเสธการใข้และโดนสกัดไม่แนะนำให้ใช้ว่า แพทย์มักปฏิบัติงานในขอบเขตที่ตึงเครียดทางจริยธรรมและถูกครอบงำด้วยการเมือง
ผลสำรวจบุคลากรทางการแพทย์จำนวนมาก ซึ่งรวมถึงพยาบาล เภสัชกร แพทย์ และผู้ประกอบวิชาชีพด้านการดูแลสุขภาพอื่นๆ พบว่าผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพเชื่อว่าตนเองไม่ได้รับการฝึกอบรมอย่างเพียงพอในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับปุ๊นทางการแพทย์ จึงมีส่วนในการต่อต้านและไม่จัดทำใบสั่งยาให้ผู้ป่วย ข้อมูลการสำรวจแยกต่างหากยังรายงานว่าผู้ป่วยน้อยกว่า 1 ใน 5 คนคิดว่าผู้ให้บริการดูแลสุขภาพเบื้องต้นของตนมีความรู้เพียงพอเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับปุ๊น แต่โดยทั่วไปแล้วผู้ป่วยมักจะรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับกัญชาจาก “เพื่อนและครอบครัว” แต่ไม่ใช่จากหมอ การแพทย์ หรือแม้แต่เว็บไซต์ของภาครัฐ
“เศรษฐกิจและสุขภาพยุคใหมแห่งปุ๊นมาถึงแล้วทั่วโลก มันจึงเรียกร้องความรับผิดชอบทางวิชาชีพเช่นเดียวกัน แพทย์จะต้องเปิดใจปรับตัวตามให้ทัน หรือเราจะปล่อยให้ผู้ป่วยเผชิญกับความไม่แน่นอนในการรักษาเพียงลำพังต่อไปเพียงเพราะการละเลย” ส่วนหนึ่งของข้อสรุปงานวิจัย
งานวิจัยดังกล่าวยังได้เสนอให้ภาครัฐเร่งให้ความรู้กลุ่มบุคลากรการแพทย์เรื่องปุ๊นดังนี้ 1.สรีรวิทยาของระบบเอนโดแคนนาบินอยด์ 2.เภสัชจลนศาสตร์ของสารจากปุ๊น 3.ข้อบ่งใช้ที่เกี่ยวข้อง (เช่น อาการปวดเรื้อรัง อาการคลื่นไส้จากเคมีบำบัด) 4.ความเสี่ยง วิธีการให้ยาและการบริหารยา 4.กรอบกฎหมายและข้อบังคับ 5.กลยุทธ์สำหรับการสื่อสารที่เน้นผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางและการตัดสินใจร่วมกัน
ย้อนกลับมามองเครือข่ายหมอไทย ล่าสุดได้มีการรวมรายชื่อเพื่อยื่นคัดค้านอุตสาหกรรมปุ๊นไทย โดยอ้างว่าปุ๊นเพื่อการแพทย์และสุขภาพของไทยนั้นนำไปสู่ 1.ปุ๊นซื้อขายง่ายทำให้ผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น 2.ปลูกได้ทุกบ้านคือไม่มีการควบคุม 3.ร้านจำหน่ายเกิดขึ้นจำนวนมาก พร้อมระบุว่าการปลดล็อกนั้นแอบแฝงเพื่อประโยชน์ทางการค้า พร้อมแนบยอดผู้ป่วยจิตเภทจากปุ๊นที่เพิ่มขึ้นมาท้ายแถลงการณ์ ข้อมูลเหล่านี้สวนทางกับประเทศเจริญแล้วอย่าง USA ที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเจตจำนงผ่านโพสต์คลิปมอง CBD เป็นศาสตร์แห่งสุขภาพของโลกยุคใหม่ ขณะที่คนสมัยใหม่อย่าง Gen Z ในยุโรปและสหรัฐหันมาบริโภคปุ๊นมากขึ้นเพราะปลอดภัยกว่าการดื่มสุรา เช่นเดียวกับงานวิชาการมากมายที่ยืนยันว่าปุ๊นสร้างปัญหาน้อยกว่าสุรา ทั้งยังมีอัตราเสพติดต่ำกว่า กาแฟ-น้ำตาล-บุหรี่-เหล้า
ดร.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก เคยเปิดเผยว่า คำกล่าวอ้างของหมอที่ต่อต้านปุ๊นส่วนใหญ่เป็นข้อมูลบิดเบือนที่ไม่คำนึงถึงกรณีผู้ที่มีอาการยาบ้าและยาเสพติดอื่นๆ แต่มักแอบอ้างรายงานเท็จว่าใช้ปุ๊นเนื่องจากกลัวผลทางกฎหมาย ตลอดจนตัวเลขบิดเบือนของผู้ป่วยจิตเวช และงบประมาณด้านรักษาจิตเวชที่อ้างว่าเพิ่มขึ้น 15,000 ล้านบาทนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะตรวจพบงบประมาณเพียง 70 ล้านบาท ขณะที่ข้ออ้างตัวเลขผู้ป่วยทางจิตเพิ่มขึ้น 48,000 คนนั้น พอไปดูจริงมีแค่หลัก 1,000 คน ซึ่งเรื่องนี้ได้มีการยื่นข้อมูลร้องเรียนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) ไปก่อนหน้านี้แล้ว
ด้านเลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตปุ๊นไทย เคยเปิดเผยว่า การกล่าวอ้างข้อมูลจากระทรวงสาธารณสุข ที่ระบุว่ามีผู้ใช้ปุ๊นเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวนั้นเจ้าหน้าที่บีบบังคับให้คนเข้ารับบำบัดยาบ้า เขียนว่าใช้ปุ๊นควบคู่ไปด้วย แม้เพียงเคยใช้แค่ครั้งเดียวในรอบ 5 ปี เช่นเดียวกับข้อมูลที่บอกว่าคนเป็นโรคจิตเพิ่มขึ้น 6 เท่า นั้นมีแนวโน้มว่าจะเป็นข้อมูลเท็จเช่นกัน เพราะความจริงแล้วประเทศไทยมีพืชชนิดนี้ในตำรับยาหลายร้อยปี เป็นวิถีชาวบ้านปลูกเพื่อบริโภคในครัวเรือนไปจนถึงชนเผ่าหลายแห่งที่ปลูกกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ทั้งยังเป็นตำรับยาแพทย์แผนไทยโบราณที่ได้รับการรับรองแล้วด้วย (ตำรับยาพระนารายณ์)