จับโป๊ะ!? ’นักการเมือง‘ อ้างปุ๊นฉุดท่องเที่ยว สวนทางตัวเลขเติบโต สร้างเม็ดเงิน 2 แสนล้าน
1 min read
การแถลงนโยบายในรัฐสภาของนายกสายเขียว ‘อนุทิน ชาญวีรกูล‘ เจอการลุกขึ้นโจมตีเรื่องปุ๊นจากเครือข่ายนายใหญ่ เริ่มจากพรรคสาขาประชาชาติ นายทวี สอดส่อง ระบุว่า ถ้าไม่ควบคุมปุ๊น ภูเก็ตซึ่งจะเป็นเมืองหลักของการท่องเที่ยว จะกลายเป็นเมืองร้าง เพราะปุ๊นคือตราบาปของประเทศไทย
ข้อความดังกล่าวย้อนแย้งกับสถิติของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต พบว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวสะสมเดือนมกราคม-พฤษภาคม 2568 มีนักท่องเที่ยวรวม 5,859,022 คน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3.14% สร้างรายได้หมุนเวียนรวม 223,765.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.19% เมื่อเทียบกับปีก่อน สอดคล้องกับนายกสมาคมปุ๊นภูเก็ต เคยเปิดเผยกับ Channel Weez Thailand ว่า เศรษฐกิจปุ๊นในภูเก็ตมีเม็ดเงินหมุนเวียนราว 200,000 ล้านบาทในปี 2567 ส่วนด้านสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่าตัวเลขรายได้การท่องเที่ยวภูเก็ตในปี 2567 อยู่ที่ 500,000 ล้านบาทสูงกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ซึ่งภูเก็ตมีรายได้จากการท่องเที่ยว 440,000 ล้านบาท ในปี 2562
ส่วนด้าน นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร ประธานที่ปรึกษา และนายกกิตติมศักดิ์ สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวถึงปุ๊นว่ากระทบต่อความเชื่อมั่นการท่องเที่ยว ประเทศหลายแห่งไม่อยากให้พลเมืองมาเที่ยวไทยที่มีธุรกิจปุ๊น จึงส่งผลให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวกลุ่มเอเชียชะลอตัวที่จะเข้าไทย จึงอยากให้รัฐประกาศควบคุมชัดเจน
รายงานข่าวจาก CWT ระบุว่าการกล่าวอ้างของแอตต้า อ้างว่าปุ๊นทำนักท่องเที่ยวเมินไทย แต่ไม่ได้กล่าวถึงตัวเลขท่องเที่ยวของญี่ปุ่นและเวียดนามที่เติบโตทะลุ 50% ในปี 2568 เนื่องจากชาวเอเชียกลัวความไม่ปลอดภัย-เจ้าหน้าที่สีเทาในไทย ไปจนถึงเรื่องนโยบายรัฐบาลจีนดึงนักช็อปกลับประเทศ (Duty Free) สอดรับกับตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยที่ลดลง 35% จึงดึงตัวเลขรวมติดลบ 4-5% แต่ก็มีนักท่องเที่ยวราน
ยได้สูงเข้ามาทดแทน ททท.เปิดสถิติปี 2568 นักท่องเที่ยวกลุ่มยุโรปเพิ่มขึ้น 14.99% โดยเฉพาะในกลุ่มกำลังซื้อสูง (Scandinavia) เติบโตเฉลี่ย 11%
ดังนั้นคนจีน-คนเอเซียไม่มาไทย นั้นเป็นธรรมชาติที่นักเดินทางจะมองหาประสบการณ์ท่องเที่ยวใหม่ในประเทศอื่นที่มีธรรมชาติและค่าครองชีพต่ำเหมือนไทย โจทย์ใหญ่ของรัฐบาลจึงเป็นการสร้างความปลอดภัย ควบคู่กับโปรโมทการท่องเที่ยวใหม่ๆในเมืองรองของไทยเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวกลับมาอีกครั้ง โดยไม่โหนวาทกรรมหวังผลทางการเมือง