Channel Weed Thailand

420PRODUCTION.CO.,LTD

ดราม่าเหม็นกลิ่นปุ๊น!! ประเทศเจริญแล้ว เขาคิดกันแบบไหนกันนะ?

1 min read

“คุณควรชินกับกลิ่นเพราะมันคือเรื่องปกติในนิวยอร์ค” // “ช่างแม่งสิวะ ที่นี่นิวยอร์ค เราจะไม่หยุดเติม” // “พวกที่บ่นควรลองเติมสักครั้งจะได้สงบ” // “มันเป็นสิทธิ์ส่วนบุคคลเหมือนคุณใช้บุหรี่ในที่ภายนอก” // “คุณควรเคารพผู้อื่นในที่สาธารณะ” // “กัมมี่และเครื่องดื่มปุ๊นอาจเหมาะกว่าในที่สาธารณะ” // “กลิ่นปุ๊นสร้างความรำคาญได้จริง” นี่คือเสียงสะท้อนของคนนิวยอร์ค จากกรณีดราม่าล่าสุดเมื่อนักเทนนิสระดับโลก Casper Ruud โพสต์บ่นเรื่องกลิ่นปุ๊นในสนามแข่งเทนนิสมีส่วนทำให้เขาพ่ายแพ้ในรอบชิงชนะเลิศรายการ US Open ซึ่งจัดขึ้นที่เมือง New York จนกลายเป็นเรื่องไวรัลในโลกออนไลน์ซึ่งมีทั้งเสียงสนับสนุนและไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง
.
เรื่องเหม็นกลิ่นปุ๊นกลายเป็นวาทกรรมของหมอการเมืองในไทยที่แอบอ้างว่าคนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับอุตสาหกรรมสายเขียว ทว่าผลโพลล์ใน USA กลับพบว่ามีประชากรเพียงครึ่งเดียว หรือราว 50% ที่บอกว่าได้รับความดือดร้อนจากกลิ่น แน่นอนว่าไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่แบบเอกฉันท์ ส่วนหนึ่งเพราะมันไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายที่จะมาอ้างปิดกิจการปุ๊นเหมือนในประเทศไทย ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจโพลล์ใน New Jersey ร่วมกับมหาวิทยาลัย Stockton พบว่าผู้ตอบแบสอบถามกว่า 52% ไม่คิดว่ากลิ่นปุ๊นรบกวนชีวิต ขณะที่โพลล์ของ Emerson poll for SAM พบว่า ประชากรเพียง 57% บอกว่ากลิ่นปุ๊นสร้างความรำคาญในที่สาธารณะ ส่วนโพลล์ของ Marist พบว่าประชากรกว่า 55% ระบุว่าการปลดล็อคปุ๊นในสหรัฐอเมริกา ไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อชีวิต
.
ด้าน Maria Sakkari นักเทนนิสที่เคยร่วมลงแข่ง US Open ระบุว่า ภายในคอร์ทสนามแข่งนั้นคุณไม่สามารถควบคุมอะไรได้ มันมีทั้งกลิ่นอาหาร กลิ่นปุ๊น กลิ่นบุหรี่ เพราะมันเป็นพื้นที่เปิดโล่งอีกทั้งสนามแข่งยังอยู่ติดกับสวนสาธารณะซึ่งมีผู้คนมาทำกิจกรรมมากมาย ขณะที่ Aaron Smith ผู้ร่วมก่อตั้งสมาคมอุตสาหกรรมปุ๊นอเมริกา กล่าวว่า การเหม็นกลิ่นปุ๊นเป็นเพียงข้ออ้างของคนที่ไม่ชอบนโยบายปุ๊นเสรี มันจึงกลายเป็นสงครามทางวัฒนธรรม โดยใช้ข้ออ้างเรื่องกลิ่นมารบกวนกฎหมายปุ๊นเสรีที่มีคนโหวต Yes มากกว่า 75%
.
ขณะที่ผู้เข้าชมการแข่งขัน US Open กล่าวว่า เขาไม่สะทกสะท้านกับกลิ่นปุ๊นในสนาม เพราะสามารถได้กลิ่นมันขณะเดินไปตามถนนในมิดทาวน์ บางครั้งตอนแปดโมงเช้าของวันธรรมดา และมันก็ยังเหมือนเดิมแม้กระทั่งก่อนที่จะถูกกฎหมาย ด้านเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของ US Open ระบุว่า แถวนี้มันเป็นเรื่องปกติ คุณแค่ได้กลิ่นจากทุกมุมถนนถึงแม้จะมีข้อตำหนิมากมาย แต่กฎก็ชัดเจนคืออนุญาตให้ใช้ปุ๊นในที่สาธารณะบางแห่งได้ นอกเหนือจากนั้น USTA ก็ไม่มีอำนาจตัดสิน
.
สำนักข่าวระดับโลก The Guardian วิเคราะห์ประเด็นดังกล่าวว่า แม้ปุ๊นจะเข้ามาแทรกซึมเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคนนิวยอร์คและสหรัฐอเมริกาแล้ว ดังนั้นนักแข่งและผู้ชมต้องเคารพกติกาแล้วยอมอุดจมูกและจดจ่อกับเกมต่อไป เพราะยังไงการแข่งขันก็จะเดินหน้าจัดต่อไปทุกปี อย่างไรก็ตามสำหรับเหตุผลที่มากสุดคือ ปุ๊นควรมีสิทธิ์เทียบเท่าบุหรี่เพื่อความเป็นธรรม ทั้งยังเสนอให้ปลดล็อคห้องเติมปุ๊นในสถานบริการได้เพื่อแก้ปัญหากลิ่นรบกวน แต่ทั้งนี้มันควรเป็นสิทธิ์การเลือกบริโภคเช่นเดียวกับการเติมบุหรี่หรือดื่มสุราในที่สาธารณะ ส่วนผู้ที่เหม็นกลิ่นปุ๊นส่วนใหญ่บอกว่ามันสร้างความรำคาญและเสี่ยงต่อการที่เยาวชนเข้าไปลิ้มลองไปจนถึงความเข้มงวดของการกวดขันบังคับใช้กฎหมาย อย่างไรก็ตามสายเขียวใน USA ส่วนใหญ่สนับสนุนการเคารพกติกาสังคมและหลีกเลี่ยงการใช้ในพื้นที่สาธารณะหากมีกฎหมายห้ามไว้ โดยโพลล์ในพื้นที่นิวยอร์คอย่าง Manhattan พบว่ามีสัดส่วนถึง 69% สนับสนุนให้เติมปุ๊นในที่ส่วนบุคคลหรือบ้าน และมากกว่า 74% ไม่เห็นด้วยกับการใช้ปุ๊นในสวนสาธารณะหรือสถานีโดยสารสาธารณะ
.
รายงานข่าวจาก Channel Weez Thailand เปรียบเทียบประเด็นดราม่าเรื่องกลิ่นปุ๊นของ USA แล้วย้อนกลับมามองดูที่ประเทศไทย ข้ออ้างการไม่ชอบกลิ่นปุ๊นที่มีแค่เรื่องความรำคาญนั้นรุนแรงมากกว่าการดื่มสุราที่มียอดคนเมาแล้วขับตายติดอันดับโลกอย่างไร ในเมื่อสุราส่งผลการสูญเสียชีวิตจริงๆ และเกิดอาชญากรรมเกี่ยวเนื่อง เหตุใดรัฐไทยจึงคุมเข้มปุ๊น แต่กลับส่งเสริมการขยายเวลาขายเบียร์ ที่มีประโยชน์ทางสุขภาพน้อยกว่าและสร้างปัญหามากกว่า การเหม็นกลิ่นปุ๊นไม่ทำให้ใครเสียชีวิตบนท้องถนนเหมือนการดื่มสุรา หรือทำให้ไทยกลายเป็นประเทศนักดื่มสูงสุดระดับภูมิภาค ในเมื่องานวิจัยวิทยาศาสตร์ก็ระบุว่า สุรา บุหรี่ เสพติดมากกว่าปุ๊น หรือแม้กระทั่งน้ำตาล-กาแฟ ฤาประเทศไทยต้องส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุราและคาสิโนถึงจะถูกใจเจ้าสัวและนักการเมือง?

Loading

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *