Channel Weed Thailand

420PRODUCTION.CO.,LTD

สื่อโลกขุดแฉ! รัฐไทยใช้ ‘กฎปุ๊นเผด็จการ’ สร้างความเสียหาย-ทำลายเศรษฐกิจชาติ-ไร้ความเป็นธรรม

1 min read

สื่อระดับโลกอย่าง BBC ขุดข้อมูลแฉรัฐไทย ปรับกฎปุ๊น-ประเทศชาติเสียหาย ทำร้ายผู้ประกอบการ ทำลายเศรษฐกิจการท่องเที่ยว แฉรัฐใช้กฎหมายบีบบังคับ-ไร้เวลาเตรียมตัว สธ.จ่อโดนฟ้องจากภาคธุรกิจ สะท้อนเกมการเมืองไทยแต่ประชาชนรับผลกรรม ตอกย้ำกติกาที่ผูกขาดทุนใหญ่-ไร้ความเป็นธรรม กระทบความเชื่อมั่นการลงทุนของชาติ

ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจไทยพังพินาศ รัฐบาลส่อใช้กติกาปุ๊นผูกขาด ฉุดความเชื่อมั่นการเม็ดเงินทุนจากต่างประเทศ (FDI) นโยบายดังกล่าวเสี่ยงทำคนตกงาน 80,000 ตำแหน่ง ยิ่งเพิ่มภาระหนี้ครัวเรือนของไทยที่สูงติดอันดับโลก ซึ่งสำนักข่าว BBC ได้เปิดเผยบทสัมภาษณ์ของผู้ประกอบการปุ๊นว่า กฎควบคุมปุ๊นใหม่ทำให้ลูกค้าลดลงไปกว่า 50% หลังจากประกาศร่างฉบับ 2 ออกมาลูกค้าลดลงไปอีก 10% เพราะลูกค้าไม่กล้าที่จะเดินเข้าร้าน เนื่องจากความไม่แน่นอนของกฎหมาย

“ลูกค้าลดลงเยอะมากครับ ลดแบบ 50% ได้เลย ลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยว 90% พอเขาเห็นถึงความยากลำบากในการเข้าถึงปุ๊นไทย เขาก็ไม่อยากจะมาสักเท่าไหร่ เสียประโยชน์ทางการท่องเที่ยวไปด้วย หากกฎหมายบีบขนาดนี้ ร้านต้องปิด ผมก็ต้องตกงาน การบังคับใช้กฎหมายปัจจุบันทันด่วนกระทบต่อผู้ประกอบการที่ลูกค้าหายไปกว่าครึ่ง นักท่องเที่ยวต่างชาติต่างไม่มั่นใจในนโยบายที่ไม่มีเสถียรภาพ ถ้าผมยอมแพ้ในธุรกิจไปโดยคำสั่งของรัฐบาล มันก็จะกลายเป็นสามปีที่ผมทำมา ผมไม่เหลืออะไรเลย รัฐบาลประกาศนโยบายด้วยวาระทางการเมือง แต่ประชาชนต้องมารับผลกรรม” แหล่งข่าวผู้ประกอบการกล่าวกับ BBC

ด้านผู้ประกอบการในเมืองพัทยา เปิดเผยกับ Channel Weez Thailand ว่า กฎใหม่ของรัฐส่งผลให้ยอดขายลดลงกว่า 70% ลูกค้าหายไปเยอะมาก เชื่อว่าหากยังไร้มาตรการช่วยเหลือร้านในพัทยาจะหายไปอย่างน้อย 50% เช่นเดียวกับผู้ประกอบการที่อ่าวนาง จ.กระบี่ ระบุว่า ลูกค้าของเขาหายไปกว่า 50% ดังนั้นจึงอยากให้รัฐเลิกบิดเบือนข้อมูลเท็จเพื่อโจมตีปุ๊นเพื่อนำไปสู่การออกแบบมาตรการที่สมเหตุสมผลโดยไม่ต้องบีบบังคับด้วยกฎหมายที่สร้างความเสียหายแบบนี้ สอดคล้องกับการให้สัมภาษณ์ของผู้ประกอบการปุ๋ยรายใหญ่ของไทยที่ระบุว่า ปีนี้มีคนเลิกปลูกจำนวนมากจากกฎควบคุมใหม่ ส่งผลให้ออเดอร์สั่งปุ๋ยลดลงไปมากกว่า 50% เช่นกัน ขณะที่เศรษฐกิจการท่องเที่ยวไทยกำลังเป็นขาลง พบว่า 5 เดือนแรกนักท่องเที่ยวจีนในไทยลดลงกว่า 32.72% ขณะที่ญี่ปุ่นเติบโตถึง 68.1% และเวียดนามเติบโตถึง 47.2% จากตัวเลขดังกล่าวถือว่าแซงหน้าไทยแล้ว ตอกย้ำว่าคนไม่มาท่องเที่ยวไม่ใช่ปัญหาจากปุ๊นอย่างที่รัฐบาลพยายามกล่าวอ้าง ดังนั้นการบังคับใช้กฏกติกาที่ไม่ฟังเสียงประชาชน-ไม่มีเวลาให้ปรับตัว-ไม่สนใจหรือเอ่ยถึงความเดือดร้อนของผู้ประกอบการ ย่อมไม่ต่างจากกฎหมายเผด็จการปุ๊นไทย

สำนักข่าว BBC รายงานข้อมูลอีกว่า การเปลี่ยนกฎปุ๊นนั้นเกิดจากอำนาขของรัฐมนตรีเพียงคนเดียว ซึ่งเป็นการออกคำสั่งโดยมิชอบ ทำให้เกิดความเสียหายในวงกว้าง อย่างแรกคือทางผู้ประกอบการที่ไม่ได้มีเวลาให้เราปรับตัวเลยแม้แต่วันเดียว ต่างจากการปรับฎยาเขียว-เหลือง (ทรามาดอล) ที่ให้เวลาถึง 180 วัน ดังนั้นรัฐจึงควรชดเชยให้กับผู้ประกอบการ ซึ่งปัจจุบันมีการรวมตัวกันเพื่อฟ้องกลุ่มรัฐบาลต่อศาลปกครอง เพราะเป็นนโยบายที่ก่อความเสียหายและไม่ให้เวลาปรับตัว

“วันนี้สิ่งที่สายเขียวทุกคนต้องการมากที่สุดคือความชัดเจน เพราะตอนนี้มันคลุมเครือมาก อย่างกับทำงานวันต่อวันเพื่อหาคำตอบต่อคำถามเหล่านี้ เพราะพวกเขาไม่เคยคิดถึงผู้ประกอบการเลยใช่หรือไม่ การประกาศให้ร้านเป็นคลินิกและมีหมอมานั่งที่ร้านจะยิ่งก่อปัญหาซ้ำเติมไปอีก” แหล่งข่าวผู้ประกอบการกล่าวกับ BBC

รายงานข่าวจาก BBC ระบุเพิ่มเติมว่า หลังจากประกาศกฎควบคุมฉบับใหม่ส่งผลให้อาชีพแพทย์ประจำร้านเริ่มเรียกค่าตัวที่สูงขึ้นถึงหลัก 30,000-40,000 บาท/เดือน แต่สวนทางกับเวลาประจำการที่มีแค่ไม่กี่ชั่วโมง แต่ร้านต้องเปิดบริการมากกว่า 14 ชั่วโมง ปัจจุบันปัญหาขาดแคลนหมอในประเทศไทยเป็นเรื่องที่ยังเกิดขึ้นอยู่ และประกาศกระทรวงฉบับใหม่มีแต่จะซ้ำเติมปัญหานั้นมากยิ่งขึ้น ในอีกทางนั้นคือการก่อภาระอันหนักอึ้งให้ผู้ประกอบการเช่นกัน ไปจนถึงผู้ใช้ที่เข้าถึงได้ยากบนกติกาที่ชวนงงงวย

ทั้งนี้ที่ผ่านมาเครือข่ายเขียนอนาคตปุ๊นไทย ได้เตรียมทำการยื่นเรื่องฟ้องร้องต่อนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ซึ่งแกนนำได้ระบุในแถลงการณ์เอาไว้ว่า การปรับแก้ไขกฏควบคุมปุ๊นดังกล่าว โดยเฉพาะในเรื่องการบังคับใช้ใบรับรองแพทย์และ มาตรฐานการปลูก GACP นั้นเหมือนต้องการให้ผูกขาดในระดับสัมปทาน โดยผูกขาดการอนุญาตให้กับบริษัทใหญ่ผลิตได้เท่านั้น ไปจนถึงการบังคับเป็นคลินิก ชัดเจนว่าเป็นเรื่องสองมาตรฐาน โดย สธ. ใช้วิธีโฆษณาชวนเชื่อข้อมูลเท็จ และกล่าวถึงแต่คำบิดเบือนเพื่อหลอกให้คนไทยกลัว เพื่อเดินเกมผูกขาดพืชชนิดนี้ไว้ในมือกลุ่มนายทุนไม่แตกต่างจากธุรกิจเหล้าเบียร์

Loading

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *