ทัวร์ลงฉ่ำ! สธ.จัดงานอบรมเก็บเงิน ซ้ำเติมผู้ประกอบการหรือไม่?
1 min read
ทัวร์ลงฉ่ำ “ดราม่ากดบัตร” รัฐเก็บค่าอบรมสายเขียว GACP 4,000 บาท ส่อซ้ำเติมสายเขียวหรือไม่ หลังรัฐประกาศกฎควบคุมใหม่บีบให้ต้องลงทุนหลักแสนบาท แล้วมาจัดงานอบรมเก็บเงิน ทั้งที่ควรเปิดให้ประชาชนผู้เดือดร้อนเข้าฟรี ขณะที่ฟาร์ม GAP เวียดนามเปิดพารา 9บาท/กรัม ตั้งคำถามมาตรฐานในประเทศที่มีแต่คอรัปชั่นมันเชื่อถือได้จริงหรือ? เมื่อไทยมีดัชนีทุจริตโลก (CPI) สูงที่สุดในรอบ 12 ปี จับตามีเครือข่ายใกล้ชิดข้าราชการจัดงานเก็บเงินมีการนำส่งเงินเข้าแผ่นดินหรือไม่?
จากกรณีที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ประกาศการจัดงานอบรม GACP ซึ่งมีการเก็บเงินค่าอบรมถึง 3,000-4,000 บาทนั้น เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากจากสายเขียว โดยเฉพาะประเด็นการซ้ำเติมผู้ประกอบการที่เดือดร้อนจากนโยบายของรัฐซึ่งออกกฎกระทรวงบีบให้ต้องลงทุนสูงแล้วยังมาจัดงานอบรมเก็บเงินแบบนี้ ซึ่งมีผู้ตั้งคำถามว่าเป็นการเอื้อคนมีตังค์หรือไม่?
โดยมีหนึ่งในคอมเมนต์ระบุว่า “เกษตรคับไม่ใช่นายทุน ถ้าจะยกมาตรฐานรัฐต้องออกอบรมให้ฟรีคับ ไม่ใช่หากินกันแบบนี้คับ” และ “จะเอาปุ๊นกลับเป็นยาเสพติด แต่จะมาเก็บตังค์อบรมปลูก แหม่ๆๆๆ” เป็นต้น โดย Sentiment เป็นไปในทิศทางเดียวกันคือแสดงความไม่พอใจที่รัฐใช้นโยบาย GACP มาผูกขาดกีดกันรายย่อย แล้วมาซ้ำเติมเก็บเงินค่าจัดอบรม ซึ่งไม่รวมค่าเอกสาร ค่าการตรวจและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ซึ่งทราบกันมาว่าสูงกว่า 100,000 บาท ทั้งยังมีการเรียกรับสินบนให้พวกหมอการเมืองและการขูดรีดค่าที่ปรึกษาซึ่งมียอดสูงถึง 2,000,000 บาท นอกจากนี้ยังวิพากษ์วิจารณ์ถึงประเด็นการอบรม Budtender ร้านค้า ซึ่งสถานบริการถูกภาครัฐบีบบังคับให้ต้องลงทุนเพิ่มตามกฎใหม่ แต่กลับมีบางเครือข่ายจัดงานอบรมโดยเก็บค่าเข้าร่วม 2,000 บาท ซึ่งภาระค่าใช้จ่ายเหล่านี้รัฐควรต้องแบกรับในฐานะที่เป็นคนปรับกฎใหม่โดยให้ผู้อบรมเข้าฟรี เพราะมันไปผูกโยงกับเงื่อนไขข้อกำหนดของรัฐ แต่มีคนเพียงกลุ่มเดียวที่เข้าถึงการจัดอบรม จึงเกิดมีวิจารณ์เป็นอย่างมาก
นอกจากนี้กรมการแพทย์ฯ ยังกล้าที่จะโพสต์ชี้แจงเรื่องมาตรฐาน GACP ซึ่งถูกทัวร์ลงเรื่องการเอื้อทุนใหญ่ แต่เมื่อประชาชนมาคอมเมนต์สอบถามกลับไม่มีคำตอบ โดยระบุว่า “แอดมินตอบด้วยนะคับทุกคำถามเฟสนี้ของสาธารณสุขโดยตรงทุกคนรอคำตอบคับ” เมื่อตรวจสอบคำถามส่วนใหญ่จึงพบว่า เป็นเรื่องวิจารณ์การเอื้อนายทุน การบีบให้ร้านต้องปิดตัว ค่าตรวจแปลงแพงเกินไปหรือไม่ มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย ไปจนถึงตั้งคำถามเรื่องมาตรฐานในประเทศที่มีแต่การคอร์รัปชั่น อย่างไรก็ตามวันนี้ฉันทามติจากสังคมสายเขียวและผู้ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่เข้าใจตรงกันว่า มาตรการใหม่นั้นมุ่งบีบให้ผู้ประกอบการยอมแพ้ ตลอดจนกฎควบคุมใหม่ของรัฐที่กระทบต่อยอดขายปุ๊นและทำให้หลายกิจการต้องหยุดชะงัก
ทั้งยังส่อเอื้อนายทุนใหญ่ผูกขาด มีแต่คนตั้งกฎเองเท่านั้นที่ออกมาปฏิเสธ และเริ่มเห็นปรากฎการกลุ่มเครือข่ายต่างๆเริ่มอาศัยกฎหมายใหม่จัดงานอบรมเก็บเงินจากผู้ประกอบการ
แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการ GACP ระบุว่า แม้ตนเองเป็นผู้ส่งเสริมให้เกษตรกรไปทำ GACP แต่ถ้าเอาตามหลักการจริงๆเรื่องนี้บีบให้ผู้ประกอบการที่ไม่มีเงินทุนไปต่อไม่ได้จริงๆ ด้วยเส้นมาตรฐานที่ขีดไว้จำเป็นต้องอาศัยเงินทุนหลักแสนบาทในการเตรียมตัว จึงเป็นช่องทางทำมาหากินของกลุ่มเรียกรับผลประโยชน์ต่างๆทั้งในคราบนายทุนและข้าราชการ ปัจจุบันเราได้เห็นฟาร์มเวียดนามมีใบตรวจสาร CoA ตามมาตรฐาน สธ.ทุกประการ เปิดพารากันที่ 9 บาท/กรัม รวมถึงฟาร์มเวียดนามอีกหลาแห่งที่สวมใบปลอม นอกจากนี้ยังมีกระแสข่าวเรื่องการขูดรีดค่าที่ปรึกษาซึ่งสูงสุดที่เคยได้ยินมาคือ 2,000,000 บาท ตลอดจนการบีบบังคับให้เจ้าหน้าที่ GACP ลงตรวจแปลงปลูกในวันหยุดราชการ ซึ่งสะท้อนว่าภาครัฐเร่งรีบดำเนินการโดยรู้ตัวอยู่แล้วว่าประกาศนโยบายแบบไม่มีความพร้อมโดยมีวาระทางการเมืองแอบแฝง ทุกอย่างจึงต้องเร่งทำแบบ แล้วไม่รู้ว่ามีใบสั่งจากผู้ใหญ่ให้อนุมัติฟาร์มนายทุนแบบผ่านฉลุยหรือไม่
ดังนั้นจึงต้องจับตามองกลุ่มขบวนการที่จะเข้าหาแสวงหาผลประโยน์จากความทุกข์ร้อนของสายเขียวว่ามีการนำส่งเงินเข้าแผ่นดินหรือไม่ นอกจากนี้ยังต้องจับตามองด้านการจัดงานอบรมเก็บเงิน ไปจนถึงการตั้งเครือข่ายจ่ายสินบนล็อบบี้เพื่อ Fast Track ให้ได้ใบอนุญาตเร็วกว่าคนอื่น และข้าราชการรับเงินจากการจัดการอบรมซึ่งเข้าข่ายผิดอาญา ม.157 หรือไม่ เราไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น เพราะถ้ามันเกิดขึ้นจริงจะยิ่งตอกย้ำภาพนักการเมือง-ข้าราชการ-นายทุน แสวงหาผลประโยชน์บนกติกากีดกันทางการค้าที่ชาวบ้านเดือดร้อน ขณะที่รายงานข่าวจากจังหวัดปทุมธานี-นนทบุรีแจ้งว่าหลังปรับกฎใหม่เริ่มมีข้าราชการสีกากีเริ่มเรียกรับผลประโยชน์จากสถานบริการแบบรายเดือน เพื่อแลกกับการเปิดขายแบบผิดกฎหมายโดยไม่ต้องมีใบรับรองแพทย