ระเบิดสนั่น วอดวายทั้งฟาร์ม อุทาหรณ์สายเขียว!

เตือนภัยสายปลูก! จากกรณีระเบิดสนั่นฟาร์มปลูกปุ๊นแห่งหนึ่งจนวอดวายเสียหายเฉียด 10 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากเหตุการณ์แอร์ช็อตจนทำให้เกิดถังคาร์บอนด์ไดออกไซด์ระเบิด (CO2) โดยเจ้าของฟาร์มได้ลงภาพห้องปลูกที่ดำเป็นเถ้าถ่าน พร้อมอุปกรณ์การปลูกที่โดนไฟไหม้ทั้งหมด รวมถึงต้นไม้ที่กำลังออกดอกรอเก็บเกี่ยวถูกไฟคลอกไปตามๆกัน

เหตุดังกล่าวเป็นดั่งอุธาหรณ์เตือนใจสายเขียวให้ระมัดระวังในการปลูก โดยนายสงกรานต์ เม่นทอง วิศวกรความปลอดภัย เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า ถังที่บรรจุก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และถังดับเพลิงควรระมัดระวังในการจัดวางตำแหน่งถังคาร์บอน โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีความร้อนและควรได้รับการตรวจเช็คและการดูแลอย่างรอบด้านตามมาตรฐาน

ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกจาก Demeter Farm ระบุว่า เรื่องไฟฟ้าลัดวงจรนั้น ผู้ปลูกควรคำนวณปริมาณการใช้ไฟฟ้าเพื่อออกแบบระบบจ่ายไฟและตัวสายไฟให้สอดคล้องกัน นอกจากนี้ยังควรใช้ช่างไฟฟ้าที่มีคุณภาพในการติดตั้งระบบสายไฟในอุปกรณ์ปลูกต่างๆ เพื่อป้องกันเรื่องไฟฟ้าลัดวงจร ไปจนถึงตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าว่ามีอัตรารองรับกำลังไฟที่เหมาะสมหรือไม่ โดยวิธีสังเกตุความเสี่ยงคือ 1.เกิดปัญหาไฟตก-ไฟกระชากบ่อยครั้ง 2.สายไฟละลาย 3.เครื่องใช้ไฟฟ้าทยอยพัง (ลัดวงจร) เป็นต้น ดังนั้นการลงทุนฟาร์มปลูกจึงควรให้ความสำคัญกับระบบไฟฟ้ามากที่สุดเพราะมันคือความเสี่ยงสูงสุดของนักปลูก

อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญที่สุดของตัวถัง CO2 คือ เซฟตี้วาล์ว (Safety Valve) ซึ่งทำหน้าที่ปล่อยแรงดันที่มันสูงจนเกินไปออกมาจากถัง เพื่อไม่ให้แรงดันภายในถังสูงมากจนเกินไปจนเกิดการระเบิด ดังนั้นหากมีการเปลี่ยนวัสดุ ดัดแปลงหรือแก้ไขตัวแผ่นโลหะที่ทำหน้าที่เป็น Safety Valve โดยมิได้ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญ ก็อาจจะทำให้เซฟตี้วาล์วสามารถทนรองรับแรงดันมากกว่าปกติ จนนำไปสู่การระเบิดได้ นอกจากนี้เรื่องไฟฟ้าลัดวงจรยังเป็นอีกเรื่องสำคัญเพราะก๊าซ CO2 ไวต่อไฟอย่างมาก หากจะเปลี่ยนถังควรเช็กและเปลี่ยนหัววาล์วทั้งชุดด้วย ตลอดจนไม่ควรวางถัง CO2 ไว้ใกล้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีความร้อนสูง

นอกจากนี้ยังต้องตรวจเช็กมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) ที่ตัวถัง ซึ่งปกติตัวถังจะมีคุณลักษณะในการรองรับแรงดันการใช้งานปกติอยู่ที่ 55 Bar ( 825 PSI) ในสภาวะอุณหภูมิห้องปกติ ถือว่าอยู่ในระดับปลอดภัยมาตรฐานไม่ควรปรับให้รองรับแรงดันได้มากกว่านี้