ประเทศเจริญ!! ‘ทรัมป์’ หนุนปลดล็อค ชูปุ๊น ‘พืชปฏิวัติสุขภาพ’ ชี้พวกต่อต้านควรหาความรู้

โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศเจตนารมณ์สนับสนุนปุ๊นเสรี มองเป็นพืชที่ดสุดในศตวรรษยกระดับสุขภาพ-ดูแลผู้สูงอายุ ประหยัดงบสาธารณสุขได้กว่าปีละ 2.24 ล้านล้านบาท พร้อมส่งเสริมการใช้และยกระดับอุตสาหกรรม โดยย้ำว่าต้องให้ความรู้แพทย์เข้าใจในเรื่องปุ๊นเสียใหม่ ถึงเวลาแล้วที่แพทย์จะต้องมาศึกษาเรื่องระบบเอนโดแคนนาบินอยด์ในพืชสมุนไพรตัวนี้ ซึ่งทรัมป์ระบุว่า ‘ปุ๊นคือพืชปฏิวัติวงการสุขภาพเพื่อผู้สูงวัย’ (Revolutionize Senior Healthcare)

“ประโยชน์ของปุ๊นได้รับการยอมรับและศึกษาโดยนักวิทยาศาสตร์อย่างกว้างขวาง โดยได้รับการสนับสนุนจากสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (National Institutes of Health) เราทุกคนเคยได้ยินเกี่ยวกับระบบหลักๆ ในร่างกายของเรา เช่น ระบบย่อยอาหาร ระบบทางเดินหายใจ ระบบประสาท แต่มีระบบสำคัญอย่างหนึ่งที่ถูกค้นพบในช่วงทศวรรษ 1990 ซึ่งคุณอาจไม่เคยได้ยินมาก่อน มันทำให้ระบบอื่นๆ ทั้งหมดทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น ระบบนี้เรียกว่าระบบเอนโดแคนนาบินอยด์ ซึ่งคุณต้องหาความรู้ใหม่ เพราะมันช่วยดูแลสุขภาพและลดความเสี่ยงจากยาเคมีที่แพทย์แผนปัจจุบันมักสั่งจ่ายซึ่งทั้งอันตรายและเสพติดกว่าปุ๊น” ช่วงหนึ่งของคลิปทรัมป์ระบุ

รายงานข่าวจาก Yahoo ระบุว่า การประกาศดังกล่าวเป็นสัญลักษณ์การเดินหน้ายกระดับพืชปุ๊นของ USA ซึ่งจะมีการดึงปุ๊นไปสู่บัญชียาที่ร้ายแรงน้อย (Schedule III drug) ซึ่งจะช่วยปลดล็อกด้านธุรกิจให้เปิดได้ง่ายขึ้น เช่น การเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงิน (Banking Access) เป็นต้น ทั้งยังทลายเงื่อนไขผูกขาดให้งานวิจัยปุ๊นเปิดกว้างได้มากขึ้น ไปจนถึงการลดภาระผู้ประกอบการในการผลิตสินค้าต่างๆ นั่นทำให้ราคาหุ้นปุ๊นในสหรัฐพุ่งทะยานในช่วงข้ามคืนหลังทรัมป์ประกาศเจตนารมย์ เช่น หุ้น Tilray พุ่งขึ้น 18% ขณะที่ Cronos เพิ่มขึ้น 10% และหุ้น Canopy Growth ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะ 19%

การประกาศสนับสนุนปุ๊นของทรัมป์นั้นเกิดขึ้นหลังจากผลสำรวจโพลล์ความคิดเห็นของคนอเมริกันส่วนใหญ่มองว่า “ปลดล็อคปุ๊นเสรี ไม่ทำให้สังคมเสียหาย” Rasmussen Reports รายงานว่าผู้ตอบแบบสำรวจ 53% มองว่าปุ๊นเสรีไม่อันตรายต่อสังคม ขณะที่โพลล์ของ CPEAR ร่วมกับ Forbes Tate Partners พบว่าชาวอเมริกัน 7 ใน 10 คน ต้องการให้รัฐยกเลิกคดีอาญาในปุ๊น เช่นเดียวกับแนวคิดการปรับบัญชียาอันตราย (Reschedule III) ของพืชปุ๊นนั้นยังได้รับความสนับสนุนจากผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่