สทท.ร่อนหนังสือถึง ‘อนุทิน’ จี้เปิดโซน ‘สันทนาการ’ เติมในร้านได้ เผยต่างชาติยังปลื้มปุ๊นเพื่อการท่องเที่ยว
1 min read
นายรัชชพร พูลสวัสดิ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เปิดเผยว่า สทท. เตรียมส่งหนังสือถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้ช่วยขับเคลื่อนตลาดการท่องเที่ยวไทย การกระจายรายได้ที่เป็นธรรมต่อผู้ประกอบการ แก้ปัญหาความไม่ปลอดภัยและจัดโซนนิ่งปุ๊นสันทนาการเพื่อสร้างภาพลักษณ์การท่องเที่ยวที่ดี โดย สทท.ขอเสนอให้รัฐบาลเปิดโซนปุ๊นสันทนาการ เติมในร้านได้ เนื่องจากมีผู้ประกอบการจำนวนมาก ในเมื่อคนลงทุนไปแล้ว จะหักดิบปิดไปเลยก็ไม่ได้ ดังนั้นจึงควรเปิดพื้นที่ให้บริภคภายในร้านได้ผ่านการกำหนดการติดตั้งเครื่องระบายอากาศเพื่อไม่ให้รบบกวนคนอื่น โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวสำคัญ เช่น เกาะสมุย ภูเก็ต เชียงใหม่ กรุงเทพ และพัทยา เป็นต้น
นายรัชชพร กล่าวอีกว่า ผลกระทบด้านปุ๊นต่อนักท่องเที่ยวนั้นไม่เกิดกับกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพจากฝั่งตะวันตก ด้วยความที่เขามีความเข้าใจในการใช้ปุ๊นมากกว่าประเทศในกลุ่มเอเชีย โดยนักท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบได้แก่กลุ่ม อินโดนีเซีย มาเลเซีย จีน ญี่ปุ่น เป็นต้น เนื่องจากประเทศต้นทางมีกฎหมายที่เข้มงวดอีกด้วย
รายงานข่าวจาก Channel Weez Thailand ระบุว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวเข้าไทยลดลงนั้นส่วนใหญ่มาจากนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งสื่อสำนักใหญ่ของจีนระบุสาเหตุชัดเจนว่าเกิดจากปัญหาความปลอดภัยในการท่องเที่ยวธุรกิจสีเทานอมินีมากมาย การ Scam ของคนไทยที่จ้องโกงเงินนักทองเที่ยว ประเทศเพื่อนบ้านเปิดแหล่งท่องเที่ยวใหม่แบบจริงใจ ไปจนถึงเรื่องนโยบายรัฐบาลจีนดึงนักช็อปกลับประเทศ (Duty Free) โดยไม่เกี่ยวข้องโดยตรงจากปุ๊น แม้ไทยจะเสียนักท่องเที่ยวจากจีนและเอเชียจำนวนมาก แต่ในทางกลับกันอุตสาหกรรมปุ๊นได้ดึงดูดนักท่องเที่ยวในเอเชียที่ชื่นชอบมากขึ้น ทั้ง อินเดียและมาเลเซีย เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวคุณภาพที่ใช้เงินจับจ่ายสูงในไทยอย่าง อเมริกา สหราชอาณาจักร (UK) รัสเซีย กลุ่มยุโรปและตะวันออกกลางกลับเพิ่มมากขึ้นแบบก้าวกระโดด
เมื่อดูจากสถิติของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในช่วง 8 เดือนแรก (ม.ค.-ส.ค.68) พบว่า นักท่องเที่ยวกลุ่มยุโรปเพิ่มขึ้น 14.99% โดยเฉพาะในกลุ่มกำลังซื้อสูง (Scandinavia) เติบโตเฉลี่ย 11% ส่วนด้านนักท่องเที่ยวโซนอเมริกาเติบโตต่อเนื่องที่ 8% ขณะที่เอเชียนั้นพบว่ากลุ่มเอเชียใต้รวมถึงอินเดียเติบโตพุ่ง 14.43% และรัสเซียเติบโตที่ราว 13% สำหรับตัวเลขนักท่องเที่ยวเข้าไทยมากสุดจากต่างชาติทั้งหมด 21.87 ล้านคน ได้แก่ อันดับที่ 1 ชาวมาเลเซียราว 3 ล้านคน ลดลง 5% อันดับที่ 2 ชาวจีนราว 2.3 ล้านคน ลดลง 34% อันดับที่ 3 ชาวอินเดีย 1.18 ล้านคน เพิ่มขึ้น 14.43% อันดับที่ 4 ชาวรัสเซีย 1.04 ล้านคน เพิ่มขึ้นราว 13% และอันดับที่ 5 ชาวเกาหลีใต้ราว 1.02 ล้านคน ลดลง 17.42% โดยภาพรวมในปี 2568 ททท.พบว่าในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ ภาคการท่องเที่ยวไทยสร้างรายได้แล้วกว่า 895,157 ล้านบาท ลดลง 4.22% ส่วนด้านนักท่องเที่ยวมีจำนวนสะสม 19,295,835 คน ลดลง 6.35%
ด้าน นายเฉลิมพงศ์ แสงดี สส.ภูเก็ต พรรคประชาชน เคยเปิดเผยกับสื่อมวลชนปุ๊นคนกัญเองว่า การท่องเที่ยวเชิงปุ๊นนั้นมีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในเมืองใหญ่ สามารถกระจายรายได้ให้ท้องถิ่นในจังหวัดภูเก็ตไปพร้อมกับเปิดโอกาสให้คนรากหญ้ามีโอกาสเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม แต่พรรคยังไม่เห็นด้วยกับการออกกฎควบคุมที่ยังไม่รอบคอบ ซึ่งในภูเก็ตนั้นพบว่ามีนักท่องเที่ยวสายเขียวที่อยากเข้ามาเก็บเกี่ยวประสบการสมุนไพรไทย แต่ยังเจอความยากลำบากในสถานที่การบริโภค เนื่องจากมีกฎห้ามใช้ปุ๊นในที่สาธารณะรวมถึงห้ามใช้ในอาคารและโรงแรม ดังนั้นตนจึงมีแนวคิดเสนอให้แก้กฎหมายท้องถิ่นโดยอนุญาตให้ร้านค้าสามารถเปิดห้องเติมปุ๊นได้ เพื่อรองรับการท่องเที่ยวสีเขียว โดยอาจกำหนดเป็นการเปิดโซนนิ่งสันทนาการซึ่งกำหนดให้สถานบริการในบริเวณดังกล่าวสามารถมีห้องเติมสมุนไพรได้ ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคและนักท่องเที่ยวมีความปลอดภัยในการใช้มากขึ้นภายใต้การดูแลจากผู้เชี่ยวชาญ ทั้งยังลดปัญหาการบริโภคปุ๊นในที่สาธารณะที่ก่อความเดือดร้อนให้ชาวบ้านได้อีกด้วย