‘ปัญหากลิ่นปุ๊นไทย’ กลายเป็นเรื่องน่าขบขัน “ในประเทศที่เจริญแล้ว”

ส่องวาทกรรมพรรคส้ม!? โจมตีกลิ่นปุ๊นว่าเป็นการทำลายการท่องเที่ยวไทย สวนทางต่างชาติขำกลิ้ง!! พร้อมฉะ “พฤติกรรมที่น่าขบขัน” มองเป็นเรื่องไร้สาระที่ไม่ทำให้ใครตุย แค่เรื่องดาดๆทั่วไปที่ไม่สำคัญไปกว่า ทั้งมลพิษเสียงดังจากข้างบ้าน มลพิษกลิ่นจากบุหรี่และอาหาร หรือแม้แต่การก่อความเสียหายของผู้ดื่มสุรา สะท้อนหลักคิดไร้จุดยืน? เมื่อบางพรรคสนุบสนุนสุราก้าวหน้า-รัฐดันเปิดเสรีหลายรูปแบบ ซึ่งที่ผ่านมานำไปสู่อันดับการตายบนท้องถนนติดอันดับโลกและเสียหายทางเศรษฐกิจสูงถึง 3.7 แสนล้านบาท แต่ดันกลับมาโวยวายเรื่องกลิ่นปุ๊นที่ยังไม่มีตัวเลขความเสียหายชัดเจน?

มองโลกแล้วย้อนมองเรา!? สำนักข่าว The Fresno Bee ในแคลิฟอร์เนีย เผยแพร่โพลล์แสดงความคิดเห็นเรื่อง “เราแจ้งตำรวจได้หรือไม่เมื่อมีกลิ่นปุ๊นรบกวน” โดยพบว่าผู้ตอบมากกว่า 80% ไม่เห็นด้วย โดยให้เหตุผลว่า เป็นพวกไม่รู้เรื่องที่ไม่เคารพสิทธิ์ผู้อื่น หรือใช้คำแสลงว่า “KAREN” คือพวกที่เรียกร้องมากเกินไปกว่าสิทธิ์ตัวเอง เราขอยกตัวอย่างข้อคิดเห็น เช่น “คุณจะโทรแจ้งคนที่สูบบุหรี่หรือปาร์ตี้กินเหล้าข้างบ้านคุณด้วยไหม 555” // “ผมก็ไม่ชอบนะ แต่มันถึงกับต้องขนาดนี้เลยเหรอ?” // “คุณควรเอาเวลาไปทำชีวิตตัวเองให้ดี ก่อนละเมิดสิทธิ์ผู้อื่น” // “ยังมีคนแบบนี้อยู่บนโลกด้วยเหรอ (สติ๊กเกอร์หัวเราะ)” // “ลองแจ้งจับปลิ่นปุ๊นดูก็ได้นะ แต่มันจะน่าขันสำหรับทุกคน” // “คุณควบคุมลมและสภาพแวดล้อมไม่ได้ แต่กลิ่นนี้ปลอดภัยกว่าบุหรี่แน่นอน” ซึ่งในแคลิฟอร์เนียมีกฎหมายอนุญาตให้ปลูกและบริโภคเองได้ในครัวเรือนเช่นเดียวกับประเทศไทย

อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ครั้งแรกถึงข้อถกเถียงดังกล่าว ย้อนหลังกลับไป 2 สัปดาห์เกิดดราม่ากลิ่นปุ๊นที่งานแข่งขันเทนนิส US Open ในเมืองนิวยอร์ค ซึ่งเราได้นำเสนอบทสัมภาษณ์จากสื่อท้องถิ่นที่สะท้อนความคิดเห็นผู้ร่วมเข้าชมงานดังกล่าว ระบุว่า “คุณควรชินกับกลิ่นเพราะมันคือเรื่องปกติในนิวยอร์ค” // “ช่างแม่งสิวะ ที่นี่นิวยอร์ค เราจะไม่หยุดเติม” // “พวกที่บ่นควรลองเติมสักครั้งจะได้สงบ” // “มันเป็นสิทธิ์ส่วนบุคคลเหมือนคุณใช้บุหรี่ในที่ภายนอก” // “คุณควรเคารพผู้อื่นในที่สาธารณะ” // “กัมมี่และเครื่องดื่มปุ๊นอาจเหมาะกว่าในที่สาธารณะ” // “กลิ่นปุ๊นสร้างความรำคาญได้จริง” สอดคล้องกับผลโพลล์ใน New Jersey ร่วมกับมหาวิทยาลัย Stockton พบว่าผู้ตอบแบสอบถามกว่า 52% ไม่คิดว่ากลิ่นปุ๊นรบกวนชีวิต หรือประชากรไม่ถึงครึ่งของทั้งหมดมองว่ากลิ่นปุ๊นเป็นเรื่องปกติ โดยในนิวยอร์คมีกฎหมายอนุญาตให้เติมปึุนในจุดสูบบุหรี่ได้

ดังนั้นเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่าประเทศที่เจริญแล้ว มองประเด็นกลิ่นปุ๊นสร้างความรำคาญเป็นเพียงเรื่องน่าขบขัน สวนทางกับนักการเมืองไทยที่อ้างว่ากลิ่นปุ๊นทำลายเศรษฐกิจการท่องเที่ยว แต่รัฐบาลกลับปลดล็อคสุราในหลายด้านที่ตรงข้ามกับปุ๊นทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น 1) การจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ 2) การจำหน่ายนอกที่ตั้งร้านได้
3) ปลดล็อคให้โฆษณาเหล้าเบียร์ได้ 4) เพิ่มสถานที่อนุญาตจำหน่าย 5) ซื้อบริโภคที่ร้านได้ 6) ไม่ต้องมีใบแพทย์ ภท.33 หรือ มาตรฐานการผลิต GACP (สุราท้องถิ่น) ดังนั้นจึงไม่สามารถอธิบายหลักการหรือตัวเลขความเสียหาย VS ตัวเลขการสร้างรายได้อย่างชัดเจน ว่าเหตุใดส่งเสริมสุราแต่โจมตีปุ๊น ทั้งที่งานวิทยาศาสตร์ทั่วโลกก็ยืนยันแล้วว่าสิ่งใดมีประโยน์มากกว่า มองไปที่เทรนด์ผู้บริโภคก็ชัดเจนว่าชาววัย Gen Z ในฝั่งตะวันตกหันมาบริโภคเครื่องดื่มปุ๊นทดแทนการดื่มสุราเพราะปลอดภัยมากกว่า หากการตัดสินใจของพรรคหัวก้าวหน้าอ้างว่าปุ๊นขัดศีลธรรมและขนบธรรมเนียมไทยก็คงไม่ต้องพูดกันถึงเรื่องหลักการสิทธิ์ความเท่าเทียมใดใด ในเมื่อสุรายังผิดศีลข้อ 5 อยู่เลย