ปิดฉาก!? 2 รมต.ต่อต้านปุ๊น “ส่อคุก” ผู้ออกกฎคุมเข้มสมุนไพร เจอปม ‘ป่วยทิพย์’ หลังบังคับสายเขียวป่วยทั้งประเทศ
1 min read
จุดจบสองรัฐมนตรีต่อต้านปุ๊น ส่อไปจบที่คุก เหตุเจอคดี ‘ป่วยทิพย์ ชั้น 14’ พ่นพิษ หลังบังคับสายเขียวเป็นผู้ป่วยด้วยใบแพทย์ ภท.33 ด้านสายเขียวชี้ ‘รัฐบาลชุดนี้’ ทำบาปกับชาวบ้านมาเยอะ หลังเกษตรกรผู้ปลูกปุ๊นรายย่อยเจ๊งยับ 80-90% จากกฎควบคุมใหม่สายฟ้าแลบ เซียนการเมืองแนะ 2 รัฐมนตรียี้ปุ๊น ‘เตรียมเก็บกระเป๋า’ เตือนส่อเจอคดีหนัก ขณะที่สายเขียวเปิดเกมฟ้องยับทุกช่องทาง ยื่น ป.ป.ช.ฟัน ม.157 ‘สมศักดิ์ เทพสุทิน’ ส่อทุจริตเชิงนโยบาย พ่วงฟ้องศาลปกครอง ระงับประกาศควบคุมไม่เป็นธรรม
ดร.ธนพร ศรียากูล ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย เปิดเผยในรายการคุยช้ามช็อตว่า หลังจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินให้นายทักษิณ ชินวัตร ต้องกลับไปเข้าเรือนจำโดยให้จำคุก 1 ปี ไม่รวมระยะเวลาป่วยทิพย์ 6 เดือน ส่งผลให้ 2 รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเข้าข่ายเป็นคดีอาญาขั้นร้ายแรง ม.157 เนื่องจากคำตัดสินของศาลจะเป็นหัวเชื้อให้ ป.ป.ช.ดำเนินคดีต่อเนื่อง
ดร.ธนพร กล่าวต่อว่า ประเด็นสำคัญคือการรายงานข้อมูลบิดเบือนเรื่องอาการป่วยทิพย์ของนายใหญ่ สทร. ซึ่งพบว่าศาลได้ใช้มติแพทย์สภาประกอบการตัดสินในฐานะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญว่า สทร.ไม่ได้ป่วยหนักขนาดต้องจำขังที่โรงพยาบาล ซึ่งพบว่ามีการคัดค้านมติแพทย์สภาผ่านการวีโต้ของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ซึ่งศาลใช้ผลเวชระเบียนด้วย ดังนั้นพอไปถึงขั้น ป.ป.ช ต้องเข้าไปดูว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการฝืนข้อเท็จจริงเพื่อช่วยเหลือนายทักษิณหรือไม่ ไม่ว่าจะใช้อำนาจโดยตรงหรือเป็นผู้สนับสนุนต้องไปดูว่ามีการทำเป็นขบวนการระหว่างรัฐมนตรีหลายกระทรวงหรือไม่ เนื่องจากศาลตัดสินว่าเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องจะต้องมีความผิด ดังนั้นจึงมีโอกาสสูงที่จะลุกลามไปยังหัวหน้าหน่วยงานอย่างรัฐมนตรีด้วย
ดร.ธนพร กล่าวต่อว่า ตนแนะนำให้รัฐมนตรีทั้งสองคนไปเก็บกระเป๋าทำวีซ่ารอหากจะยึดโมเดลนายใหญ่ในปี 2549 เพราะมีความเสี่ยงจะโดนคดี ม.157 สูงมาก ทั้งการวีโต้มติแพทย์ ไปจนถึงรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม นายทวี สอดส่อง ที่ศาลวินิจฉัย เรื่องการแจ้งรายงานอาการทุก 30-60 วัน ซึ่งพบว่ามีการรายงานข้อมูลบิดเบือดเรื่องการป่วยทิพย์ ดังนั้น ใครเป็นคนรับชอบ ใครเป็นคนรับทราบ ใครเป็นคนเซ็นเห็นชอบ การป่ยยทิพย์ 180 วันมันเกินกว่าอำนาจอธิบดีกรมราชทัณฑ์ไปแล้ว แต่เป็นอำนาจรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม
ด้านแหล่งข่าวจากผู้บริหารฟาร์มปลูกปุ๊น 35,000 ต้น เปิดเผยกับ Channel Weez Thailand ว่า การเปลี่ยนแปลงกฎควบคุมแบบฉับพลันไม่มีเวลาให้ปรับตัว ถือว่ารัฐบาลชุดนี้ทำบาปกับชาวบ้านไว้มาก มีผู้ประกอบการรายย่อยและเกษตรกรเสียหายไปกว่า 80-90% กระทบต่อรายได้และอาชีพทำกิน ดังนั้นตนอยากเสนอให้รัฐบาลเร่งกำหนดความชัดเจนของกฎหมายควบคุมเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการเดินต่อได้
รายงานข่าวระบุว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นผู้ประกาสนโยบายควบคุมปุ๊นเข้มข้น ภายหลังจากเกิดปมคลิปหลุดฮุนเซนและการแยกตัวของพรรคภูมิใจไทยเพียงไม่กี่สัปดาห์ พร้อมตั้งเงื่อนไขทั้งบังคับให้ผู้ซื้อบริโภคต้องเป็นผู้ป่วย มีใบแภทย์ ภท.33 และการกำหนดมาตรฐานการปลูก GACP ซึ่งผู้ประกอบการเดือดร้อนจนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก นำไปสู่การฟ้องร้อง ป.ป.ช.เรื่องทุจริตเชิงนโยบาย ม.157 ปมใช้กฎควบคุมผูกขาดตลาดให้กับทุนใหญ่ ไปจนถึงการฟ้องร้องศาลปกครองซึ่งสมาพันธ์ปุ๊นเพื่อประชาชนมีนัดหมายเพื่อทำการยื่นฟ้องร้องศาลปกครองให้เพิกถอนประกาศควบคุมดังกล่าวซึ่งผู้เสียหายมองว่าไม่เป็นธรรม
ที่ผ่านมาในรัฐบาลชุดนี้ มีรัฐมนตรีที่ออกแอคชั่นต่อต้านปุ๊นมากที่สุด มีการกล่าวถึงทั้งการแถลงข่าวและการกล่าวในที่ประชุม ซึ่งหลายครั้งมีการเชื่อมนโยบายกันระหว่างสาธารณสุข-กระทรวงยุติธรรม ล่วงเกินไปถึงขั้นให้รองนายกพรรคเพื่อไทยท่านหนึ่งออกมาแอบอ้างเบื้องสูงซึ่งเป็นข่าวในสื่อมวลชน เรื่องการปราบปุ๊น ทั้งยังพบว่ามีการใช้นโยบายการควบคุมปุ๊นที่มีผู้เสียหายจำนวนมาก นำไปเป็นประเด็นขึ้นเวทีหาเสียงที่งานเลือกตั้งซ่อมจังหวัดศรีษะเกษ