สายเขียวเฮ! ‘อนุทิน’ ขึ้นแท่นนายกปุ๊นคนแรกของไทย ความหวังใหม่ธุรกิจแสนล้าน ลุ้นปลดล็อคกฎควบคุมไม่เป็นธรรม

รัฐสภาเปิดโหวตนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เคาะชื่อ ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ ขึ้นแท่นนายกสายเขียวคนแรกของไทย สื่อใหญ่ต่างชาติขานรับ-เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกจากนโยบายปลดล็อคปุ๊นไทย ด้านผู้ประกอบการเชื่อทิศทางปุ๊นไทยจะดีขึ้น-เสนอผลักดัน พ.ร.บ.ปุ๊นสร้างความเชื่อมั่นให้กับสายเขียว

ด้านนายนาคาญ์ ทวิชาวัฒน์ ประธานคลัสเตอร์อุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า หากได้อนุทินเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี น่าจะเป็นผลดีต่อภาคธุรกิจด้านสุขภาพและความงามเพราะเคยมีบทบาทด้านสาธารณสุขและเป็นผู้ผลักดันนโยบายปุ๊นจึงมีความเข้าใจบริบทภาคธุรกิจเป็นอย่างดี ซึ่งผู้ประกอบการต้องการความชัดเจนของกฎหมายควบคุมปุ๊นให้มีความนิ่งและเสถียรภาพเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับเจ้าของธุรกิจ

ส่วนด้านนายชัชปัฐวี อัฏฐพรเมธา แกนนำสมาพันธ์กัญชาเพื่อประชาชน เปิดเผยกับ Channel Weez Thailand ว่า กฎกติกาผูกขาดต่างอาจมีแนวโน้มที่ดีขึ้นในยุคนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เนื่องจากการปลดล็อคปุ๊นไทยในยุคพรรคภูมิใจไทยที่คุมกระทรวงสาธารณสุข มีแนวทางการกระจายรายได้ให้ชาวบ้านเกษตรกรเข้าถึงปลูกสร้างอาชีพได้ โดยไม่มีการกำหนดมาตรฐานการปลูกที่ผูกขาด หรือการออกเกณฑ์ใบรับรองแพทย์ที่กระทบกับสิทธิ์ของผู้ใช้ ดังนั้นตนจึงเชื่อว่ากฎกติกาเหล่านี้จะถูกปรับแก้ไขไม่มากก็น้อยภายใต้การดูแลโดยนายกรัฐมนตรีสายเขียวคนแรกของไทย อย่างไรก็ตามภาคประชาชนและผู้ประกอบการที่เสียหายจะเดินหน้ายื่นหนังสือร้องเรียนและคัดค้านกฎควบคุมใหม่ รวมถึงฟ้องร้องต่อศาลปกครองเพื่อให้เพิกถอนประกาศที่ไม่เป็นธรรมกับผู้ประกอบการที่ได้รับความเดือดร้อน ไปจนถึงการทวงสิทธิ์ผู้ใช้สันทนาการซึ่งเป็นไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญที่สายเขียวกำลังถูกละเมิดอยู่ในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีความหวังว่าจะเกิดความคืบหน้าในเรื่องพระราชบัญญัติปุ๊น (พ.ร.บ.) อยู่บ้างไม่มากก็น้อย

สำนักข่าว The Standard รายงานว่า นับจากการ ‘ปลดล็อกปุ๊น’ ผ่านมาแล้ว 3 ปี เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณะสุขจากพรรคเพื่อไทย ได้ออกประกาศควบคุมปุ๊นฉบับใหม่ โดยไม่ให้เวลาผู้ประกอบการปรับตัว ส่งผลให้มีร้านปิดกิจการจำนวนมาก ขณะที่ยอดขายร้านหลายแห่งลดลงกว่า 80-90% เนื่องจากลูกค้าหันไปใช้ตลาดใต้ดิน จึงตั้งคำถามว่าเกมการเมืองที่ปรับเปลี่ยนแบบฉับพลันจนผู้ประกอบการเดือดร้อนนั้น แทนที่จะแก้ปัญหาได้ แต่กลับยิ่งทำให้ตลาดปุ๊นผิดกฎหมายเฟื่องฟูหรือไม่

นายทศพร นิลกำแหง นายกสมาคมสหอุตสาหกรรมพืชปุ๊น เปิดเผยกับ The Standard ว่า ประกาศควบคุมฉบับใหม่ แม้จะเป็นแนวทางที่ดีแต่ต้องยอมรับว่าบางอย่างที่ผลักดันออกมาบังคับใช้โดยทันที ทำให้กระทบต่อธุรกิจปุ๊นค่อนข้างเยอะ หากดูการลงทุนครอบคลุมตลอดทั้งห่วงโซ่ ก็กระทบระดับหมื่นล้าน ทุกวันนี้กฎหมายควบคุมก็ยังมีความสับสนอยู่ ทุกอย่างยังไม่นิ่งและขึ้นอยู่กับนโยบายความชัดเจน แม้จะมีแนวคิดการผ่อนภาระให้ผู้ประกอบการแต่ห้วงเวลาการปรับคัวก็ยังคงน้อยเกินไป แม้นายกสายเขียวคนใหม่จะทำให้ภาคอุตสาหกรรมปุ๊นไทยดูมีความหวังมากขึ้น แต่ตนเชื่อว่ารัฐบาลชุดใหม่ไม่ผลักดันนโยบายปุ๊นสันทนาการแน่นอน

รายงานข่าวจาก Channel Weez Thailand ระบุว่า สหพันธ์ปุ๊นไทยได้ประเมินมูลค่าเศรษฐกิจปุ๊นอยู่ที่ราว 280,000 ล้านบาท สอดคล้องกับสมาคมปุ๊นภูเก็ตซึ่งมองตัวเลขเม็ดเงินด้านปุ๊นและการท่องเที่ยวในปี 2024 สะพัดเกือบ 200,000 ล้านบาท ส่วนข้อมูลของกรมการแพทย์แผนไทยฯ ระบุว่า มีผู้ประกอบอาชีพบริการในสถานบริการปุ๊นทั่วประเทศสูงถึง 80,000-100,000 ราย ปัจจุบันมีร้านค้าจดทะเบียนในระบบราว 18,000 แห่ง โดยในยุคพรรคภูมิใจไทยที่เปิดให้จดแจ้งปลูกปุ๊นได้ทุกบ้านมีผู้ลงทะเบียนปลูกมากกว่า 1,000,000 คน