เกมพลิก!? สธ.ออกประกาศปลดล็อค “GACP” เปิดช่องนักปลูกรายย่อย ขานรับนายกฯ สายเขียวคนแรกของไทย
1 min read
ด่วน!! กรมการแพทย์แผนไทยฯ กระทรวงสาธารณสุข เผยแพร่ประกาศฉบับใหม่ เปิดช่องสายเขียวปลูกขายที่บ้านได้ พร้อมปลดล็อคเงื่อนไข GACP ใช้แค่ใบ CoA ประกอบการจำหน่าย มีผลบังคับใช้ทันทีตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน ตรงกับห้วงเวลาเปลี่ยนรัฐบาล ต้อนรับ ‘เสี่ยหนู’ นายกสายเขียวคนแรกของประเทศไทย
.
นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯ ลงนามในประกาศกระทรวงฉบับใหม่ เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2568 เพิ่มมาตรฐานการปลูกสำหรับฟาร์มขนาดใหญ่หลากหลายรูปแบบ ไม่ล็อคเฉพาะแค่ GACP แต่ที่ต้องจับตามองคือย่อหน้าสุดท้ายของประกาศซึ่งระบุว่า ให้แหล่งการเพาะปลูกและการเก็บเกี่ยวที่ไม่ได้อยู่ในมาตรฐานการปลูกที่กำหนดข้างต้น สามารถนำผลผลิตไปตรวจวิเคราะห์เพื่อออกเอกสารรับรองผลการวิเคราะห์คุณภาพสารเคมี (CoA) โดยให้ถือว่าผลผลิตนั้นหากผ่านเกณฑ์มาตรฐานเท่ากับว่าได้รับการรับรองจากกรมการแพทย์แล้ว
.
หากสรุปใจความสั้นๆแล้วคือ ผู้ปลูกจำหน่ายสามารถปลูกได้ทุกที่ โดยไม่ต้องมีมาตรฐานการปลูก แต่การจะนำไปจำหน่ายนั้น Homegrown ต้องส่งตรวจแล็บเพื่อขออนุมัติใบรับรอง CoA จากหน่วยงานตรวจรับรองที่ได้มาตรฐาน จึงสามรถจัดจำหน่ายได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนมาตรฐานการปลูกอื่นๆที่กำหนดนั้น เมื่อเก็บเกี่ยวแล้วก็ต้องตรวจผล CoA ทุกคร็อปเช่นกัน โดยไม่มีข้อยกเว้น
.
ส่วนการเพิ่มเกณฑ์มาตรฐานการปลูกเป็นทางเลือกนั้น ประกอบด้วย
(1) แหล่งการเพาะปลูกและการเก็บเกี่ยวที่ได้รับรองมาตรฐานที่ใช้กับการเพาะปลูก สมุนไพรในแปลงเกษตร (GAP)
(2) แหล่งการเพาะปลูกและการเก็บเกี่ยวที่ได้รับรองมาตรฐานสินค้าเกษตร ที่ออกโดยสํานักงานมาตรฐาน สินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.)
(3) แหล่งการเพาะปลูกและการเก็บเกี่ยวที่ได้รับรองมาตรฐาน EU GACP หรือมาตรฐาน EU-GMP
(4) แหล่งการเพาะปลูกและการเก็บเกี่ยวที่ได้รับรองมาตรฐาน IMC – GACP
(5) แหล่งการเพาะปลูกและการเก็บเกี่ยวที่ได้รับรองมาตรฐานระบบอินทรีย์ (IFOAM)
(6) แหล่งการเพาะปลูกและการเก็บเกี่ยวที่ได้รับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ GLOBAL G.A.P.
(7) แหล่งการเพาะปลูกและการเก็บเกี่ยวที่ได้รับรองเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม (PGS)
.
นายแพทย์เทวัญ ธานีรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯ เปิดเผยกับ Channel Weez Thailand ว่า สำหรับนักปลูกรายย่อยจะต้องขอใบอนุญาตจำหน่ายและแปรรูปอย่างถูกต้องเสียก่อน จึงจะสามารถนำผลผลิตที่ผ่านเกณฑ์ CoA ไปจำหน่ายได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
.
รายงานข่าวจาก Channel Weez Thailand กรมการแพทย์แผนไทยฯ ยังแนบท้ายรายละเอียดการตรวจค่าสารตกค้างของ CoA ซึ่งพบว่า มีการกำหนดสารต่างๆ มากกว่า 40 ค่าสาร โดยสามารถอ่านรายละเอียดและไฟล์ประกาศได้ตามลิงก์ที่แนบในคอมเมนต์ อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการมองว่าการกำหนดมาตรฐานดังกล่าว แม้จะเอื้อต่อผู้ประกอบการรายย่อย แต่ความเข้มงวดของสารตกค้างนั้นอยู่ในระดับการแพทย์ ซึ่งการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ หรือปุ๋ยราคาถูกที่ไม่ได้มาตรฐานในการเพาะปลูกนั้นอาจส่งผลให้ผลผลิตจาก Homegrown จำนวนมาก ไม่ผ่านการรับรอง CoA จึงเป็นโจทย์ที่ผู้ปลูกต้องกลับไปยกระดับวิธีเพาะปลูกเช่นเดียวกัน
.
ส่วนด้านผู้ปลูกเพื่อบริโภคหรือปลูกเพื่อใช้เองในครัวเรือนยังสามารถดำเนินการได้อย่ลงถูกกฎหมายโดยไม่ต้องขออนุญาตและไม่ต้องมีมาตรฐานใดใด หากปลูกเพื่อใช้และห้ามขาย
.
สำหรับประเด็นการเมืองที่สายเขียวกำลังลุ้นอยู่ ล่าสุดพรรคประชาชนตัดสินใจยกมือโหวต ‘เสี่ยหนู‘ เสียบเก้าอี้นายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ของไทยและเป็นนายกฯ สายเขียวคนแรกอีกด้วย ซึ่งที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทยได้รับความนิยมมาจากนโยบายปุ๊นไทย ดังนั้นผู้ประกอบการจึงมองว่าหลังจากนี้สถานการณ์ของอุตสาหกรรมสายเขียวจะดีขึ้น ไปจนถึงการผ่อนคลายเงื่อนไขควบคุมต่างๆที่เกิดจากเกมการเมือง และแน่นอนว่าจะต้องมีกลุ่มสายเขียวเดินหน้าไปยื่นหนังสือร้องเรียนให้แก้ไขปัญหาปุ๊นไทยแน่นอนเมื่อเสี่ยหนูขึ้นดำรงตำแหน่งอย่างเป็นทางการ
ที่มาแหล่งข้อมูลข่าว เอกสาร ประกาศกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก เรื่อง แหล่งที่ได้รับรองมาตรฐานการเพาะปลูกและการเก็บเกี่ยวที่ดีของปุ๊นทางการแพทย์ พ.ศ.2568 รับชมได้ใต้คอมเมนต์

