Channel Weed Thailand

420PRODUCTION.CO.,LTD

หมอไทยโกหก!? ญี่ปุ่นชูงานวิจัย ปุ๊นสายเขียว “เสพติดน้อยกว่า” สุรา-บุหรี่

1 min read

สำนักวิจัยแห่งชาติของญี่ปุ่น Japanese Clinical Association of Cannabinoids สนับสนุนโดยรัฐบาลญี่ปุ่น เผยแพร่งานวิจัยโดยสำรวจกลุ่มตัวอย่างกว่า 3,900 คน เพื่อหาคำตอบว่าปุ๊นสมุนไพรมีโอกาสทำให้ผู้ใช้หันไปหายาเสพติดอื่นหรือไม่ ซึ่งผลวิจัยได้คำตอบว่า ค่าความเข้มข้นของสารเสพติดในบุหรี่และสุรามีสูงกว่าปุ๊น โดยจัดลำดับได้ดังนี้ 1.แอลกอฮอล์ 2.บุหรี่ 3.ปุ๊น ดังนั้นจึงสามารถสรุปได้ว่าสิ่งที่มีสารเสพติดเข้มข้นมากกว่ามีโอกาสที่จะนำพาผู้บริโภคไปยุ่งเกี่ยวกับยาที่ผิดกฎหมาย

งานวิจัยดังกล่าวซึ่งตีพิมพ์เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาบนวารสาร Neuropsychopharmacology Reports ระบุอีกว่า จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างผู้ใช้ปุ๊นพบว่ามีอัตราการทดลองสารเสพติดอื่นน้อยมาก แบ่งเป็น แอลกอฮอล์ 1.25% ยาอื่นๆ 0.78% บุหรี่ 0.77% และ สารดีดเคมี 0.08% ดังนั้นทีมวิจัยจึงสรุปข้อกล่าวหาว่าปุ๊นสมุนไพรนำไปสู่สิ่งเสพติดอื่นเป็นเรื่องที่ไม่จริง โดยมีสาเหตุสำคัญคือ “เพราะปุ๊นยังไม่ถูกกฎหมาย” พร้อมขยายความว่า หากปุ๊นถูกทำให้ถูกกฎหมายจะมีมาตรการควบคุมที่ดีส่งผลให้ลดโอกาสความเสี่ยงดังกล่าวลงได้ สืบเนื่องจากข้อมูลวิจัยพบว่าสารเสพติดผิดกฎหมายอื่นๆและปุ๊นสมุนไพรนั้น มักถูกกระจายจากหัวจ่ายเดียวกัน มันจึงมีโอกาสที่ผู้ใช้จะอยากทดลองสารอื่นด้วย ดังนั้นหากควบคุมได้จะปิดช่องทางการกระจายของเหล่านี้แน่นอน

ทีมวิจัยสรุปทิ้งท้ายเอาไว้ว่า การที่สังคมเข้าใจผิดว่าปุ๊นคือประตูสู่ยาเสพติด เกิดขึ้นเพราะ สภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบมากกว่าคุณสมบัติของสารที่อยู่ในสมุนไพร ซึ่งงานวิจัยชิ้นนี้ถือเป็นความก้าวหน้าและได้รับความสนใจจากทั่วโลก เนื่องจากญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในชาติที่มีกฎหมายปุ๊นเข้มงวดมากที่สุด

ด้านสำนักข่าว Hightimes ระบุเพิ่มเติมว่า งานวิจัยลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นแล้วมากมายในสหรัฐอเมริกา นอกจากจะไม่ใช่ประตูสู่ยาเสพติดแล้ว ปุ๊นยังเป็นประตูทางออกสำหรับผู้ที่อยากเลิกยาเสพติดอีกด้วย

ผ่านงานวิจัยมากมายอย่างเรื่อง Harm Reduction อย่างไรก็ตามหลังจากปลดล็อคปุ๊นเสรีช่วงหลายปีที่ผ่านมา สำนักวิจัยมากมายพบว่าเยาวชนและคนวัยทำงานชาวอเมริกันมีการบริโภคยาผิดกฎหมายลดลงมากทั้ง ยาแก้ปวด ยากล่อมประสาท (ตบเม็ด) โดยเฉพาะยอดขายสุรานั้นลดลงอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่เครื่องดื่มปุ๊นสมุนไพรได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะคนรุ่นใหม่มองว่าสมุนไพรปลอดภัยต่อสุขภาพมากกว่าสุรา

จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่างานวิจัยด้านข้อดีของปุ๊นและการเปรียบเทียบกับสิ่งที่ร้ายแรงกว่านั้นไม่พบมากนักในประเทศไทย เนื่องจากมีหมอการเมืองที่ถอดสมองเพื่อนายใหญ่ ผสมกับพวกไม่เข้าใจและไม่คิดจะหาความรู้ แต่กลับคิดไปเองเพราะโฆษณาชวนเชื่อที่มีวาระแอบแฝงทั้งเรื่องการเมืองและผลประโยชน์ค่าคอมมิชชั่นของพวกยาแผนปัจจุบัน นั่นคือความแตกต่างของประเทศยังไม่พัฒนาที่บูชาแต่วาทกรรมชวนเชื่อ กับประเทศที่เจริญแล้วซึ่งเชื่อข้อมูลวิทยาศาสตร์มากกว่าลมปากของหมอการเมือง

Loading

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *