เจ๊งยับ! สายเขียวโวยกฎใหม่ “เอื้อโจรอยู่สบาย” แต่คนทำถูกกฎหมายตายเรียบ
1 min read
จากกรณีที่รัฐปรับกฎควบคุมปุ๊นฉบับใหม่ จนเกิดความเสียหายต่อผู้ประกอบการจำนวนมาก โดยอ้างว่าเพื่อควบคุมการลักลอบส่งออก ซึ่งผ่านไป 1 เดือนพบว่าปุ๊นใต้ดินไทยยังกระจายไปทั่วโลก ขณะที่ข้ออ้างการจัดระเบียบผู้ขายและการป้องกันเด็กยังล้มเหลว เมื่อผู้ประกอบการโวยว่ายังเห็นผู้ขายที่ไม่มีใบอนุญาตให้เด็กและเปิดให้สันทนาการในร้านกันอย่างโจ๋งครึ่ม ขณะที่ร้านทำถูกกฎหมายยอดขายตกวูบสูงสุด 80% แทบจะไปกันต่อไม่ได้แล้ว
.
ผู้สื่อข่าวจาก Channel Weez Thailand ลงพื้นที่ถนนข้าวสารย่านที่มีสถานบริการปุ๊นเยอะสุดในกรุงเทพ พบว่าร้านค้าส่วนใหญ่กว่า 60% ปิดตัวไปหมดแล้ว จึงรวบรวมข้อมูลสัมภาษณ์ผู้ประกอบการข้าวสารพบตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า หลังประกาศกฎใหม่ได้รับผลกระทบอย่างมาก ยอดขายหายไปกว่า 50% ประกอบกับเป็นช่วง Low Season ซึ่งปีนี้หนักกว่าทุกปียอดขายลดลงกว่า 80% เมื่อเทียบกับปีก่อนๆซึ่งยอดลดลงเพียง 30% ปัจจุบันมีรายได้วันละไม่ถึง 8,000 บาท จากที่เคยมรายได้สูงกว่า 30,000 บาท/วัน นอกจากนี้กฎใหม่ยังส่งผลโดยตรงต่อนักท่องเที่ยวและผู้ใช้ซึ่งพบว่าเกิดความลังเลใจไม่กล้าเข้ามาใช้บริการ อีกทั้งบางส่วนยังปฏิเสธการใช้ใบรับรองแพทย์ซึ่งเป็นการเก็บข้อมูลส่วนตัวอีกด้วย ทั้งยังเกิดคำถามมากมายเนื่องจากนโยบายขจองรัฐสร้างความสับสนให้กับนักท่องเที่ยว มีฝรั่งบางส่วนแสดงความไม่พอใจที่ห้ามบริโภคในร้านเพราะเหมือนถูกบีบให้ไม่มีที่ใช้ในเมื่อโรงแรมและสถานที่สาธารณะก็ห้ามใช้เช่นกัน โดยมองว่าสถานบริการมีวิธีจัดการกลิ่นได้ดีกว่าและลูกค้ารู้สึกปลอดภัยในการบริโภค
.
ด้านเครือข่ายผู้ประกอบการที่ได้รับความเสียหายเปิดเผยว่า พวกที่ขายออนไลน์ ขายผ่านแอปพลิเคชั่น มีรูปโฆษณา และบริการส่งพัสดุ ทำทุกอย่างที่รัฐห้ามไม่ให้ทำก็ยังเห็นขายอยู่ปกติ แต่ร้านที่ขออนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย พยายามทำตามระเบียบทุกข้อ ตั้งแต่ประกาศใหม่ออก แทบขายไม่ได้ ถึงวันนี้ยังไม่แน่ใจว่าจะโดนรวบวันไหน บางร้านก็มีการเปิดสันทนาการกันอย่างโจ๋งครึ่ม มีการขายให้เด็ก ซึ่งว่ามีการเสนอจีละไม่เกิน 10 บาท ขณะที่ผู้ใช้ทั่วไปก็ไม่กล้าเข้าร้านหนีไปซื้อตามซุ้มตามบ้านกันหมด ตนเองจึงสับสนกับกฏหมายนี้เขาออกบังคับใช้ทุกเขต ทุกจังหวัด หรือเป็นแค่บางพื้นที่กันแน่ จึงขอตั้งคำถามว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย กฎควบคุมใหม่ส่งเสริมให้ตลาดใต้ดินที่ควบคุมไม่ได้กลับมาเฟื่องฟู ไปจนถึงการบังคับใช้กฎหมายสองมาตรฐานและส่วยสินบนที่พบว่าบางร้านเปิดขายได้ปกติ แต่อีกร้านถูกตำรวจก่อกวนและลงตรวจแบบผิดปกติ
.
นอกจากนี้เครือข่ายผู้ประกอบการยังตั้งคำถามอีกว่า ปุ๊น-ยา-เหล้า มีมาตรฐานเดียวกันหรือไม่ เหตุใดไปซื้อยา-เหล้าและยาจึงสามารถบริโภคที่โรงพยาบาลหรือสถานบริการได้ โดยไม่ต้องมีแพทย์ควบคุม แต่เหตุใดปุ๊นจึงซื้อแล้วบริโภคที่สถานบริการไม่ได้ และหากบริโภคที่ร้านได้ทำไมต้องกำหนดให้มีแพทย์ควบคุมต่างจากเหล้า-ยาทั่วไป เหตุใดผู้ที่บริโภคปุ๊นที่บ้านจึงไม่ต้องมีแพทย์ควบคุมเหมือนที่ร้าน หากมองในมุมการแพทย์แล้วหากการริโภคเป็นหัตการ ผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ยังต้องใช้แพทย์ควบคุม ส่วนผู้ที่ร่างกายปกติตามหลักไม่จำเป็นต้องมีแพทย์หากประเมินความเสี่ยงตัวเองได้ เช่นเดียวกับปัญหากฎหมายที่สับสนย้อนแย้ง ห้ามใช้ในที่สาธารณะ ห้ามใช้ในโรงแรม-หอพัก ห้ามใช้ในร้าน แล้วจะให้ผู้ใช้ไปบริโภคที่ไหน เป็นกฎที่ริดรอนสิทธิ์และบีบบังคับผู้ประกอบการเกินไปหรือไม่
.
ด้านนายชัชปัฐวี อัฏฐพรเมธา แกนนำสมาพันธ์ปุ๊นเพื่อประชาชน เปิดเผยว่า หนทางเดียวที่จะจัดการปัญหาดังกล่าวคือการอาศัยอำนาจศาลปกครองให้ฟ้องระงับและถอดถอนประกาศควบคุมดังกล่าว โดบให้ผลักดันกฎหมายระดับ พ.ร.บ.เข้ามาทดแทน ซึ่งถือเป็นช่องทางที่มีอำนาจเต็มและรวดเร็วมากที่สุด ดังนั้นสมาพันธ์ฯ จะรวบรวมผู้เสียหายเพื่อเดินหน้าฟ้องร้องต่อไป