ฉาวโฉ่! สธ.อ้างข้อมูลปลอม ‘ด้อยค่าสมุนไพรไทย’ ฉวยโอกาสผูกขาดเอื้อนายทุน

นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล เลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตปุ๊นไทย เปิดเผยว่า การที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)อ้างข้อมูลเยาวชนเข้าถึงปุ๊นเพิ่มขึ้นและยอดผู้ใช้ปุ๊นเพิ่มขึ้นเพื่อออกประกาศควบคุมปุ๊นเป็นยาเสพติดนั้น “เป็นข้อมูลเท็จ”  โดยเฉพาะเรื่องเยาวชนเสพกัญชาเพิ่มขึ้น 10 เท่าเป็นข้อมูลปลอม ผมท้าหน่วยงานรัฐทุกหน่วยให้ฟ้องผมแล้วพิสูจน์กันในศาลว่าตัวเลขที่พูดถึงนั้นมันปลอมที่บอกว่าปลอมเพราะว่าที่มาของการเก็บข้อมูลมันเพี้ยนและเต็มไปด้วยอคติ เช่น เคยลองใช้ปุ๊นครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีที่แล้วหลังจากนั้นไม่ได้ใช้อีก แล้วเอาข้อมูลเช่นนี้มานับ หากแน่จริงมาพิสูจน์กันที่ศาลว่าข้อมูลดังกล่าวจริงหรือไม่ ท้าให้รัฐมนตรี สธ.มายืนยันว่าไม่ได้เอาข้อมูลเท็จมาด้อยค่าปุ๊นเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง

นายประสิทธิ์ชัย กล่าวต่อว่า การประกาศจะนำกลับไปสู่ยาเสพติด คือธงของสมศักดิ์ เพราะคนในพรรคเพื่อไทยเป็นนายทุนปุ๊นกันหลายคน ใช่หรือไม่ ทุกท่านต้องไม่ลืมว่าพืชเศรษฐกิจใหม่ตัวนี้มีมูลค่าหลายหมื่นล้านบาทต่อปีเมื่อมีมูลค่าเช่นนี้ใครก็อยากผูกขาดเอื้อนายทุน วิธีการผูกขาดที่ดีที่สุดคือผูกขาดโดยกฎหมาย ซึ่ง สธ.อ้างว่าเวลาไม่พอในการทำ พ.ร.บ. คำถามคือ มัวแต่ช่วยนักโทษชั้น 14 จนลืมไปว่า พรรคเพื่อไทยควบคุมกระทรวงสาธารณสุขมาตั้งแต่ต้น บัดนี้ยังไม่ดำเนินการ ผ่านมา 2 ปีกว่า แล้วตอนนี้มาบอกว่าไม่มีเวลาทำ พ.ร.บ. ดังนั้นจึงเชื่อว่าการแก้แค้นทางการเมืองคือเรื่องหลัก เรื่องรองลงมาคือต้องผูกขาดปุ๊นมูลค่าหมื่นล้าน ประกาศกระทรวงล่าสุดนั้น เป็นวิธีการผูกขาดให้กับคนกลุ่มเดียวและเป็นการผลัก คนปลูก คนแปรรูป คนใช้ ให้อยู่นอกวง สุดท้ายจะมีแค่นายทุนที่กินรวบ

ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขเคยกล่าวอ้างข้อมูลปลอมจนโดนจับโป๊ะมาแล้ว  ดร.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก กล่าวว่า ตรวจพบข้อมูลใหม่ว่าคณะกรรมการยาเสพติดกระทรวงสาธารณสุขจงใจใช้ข้อมูลบิดเบือน หรืออาจเป็นข้อมูลเท็จในการอ้างผลกระทบปุ๊นเพื่อนำกลับเป็นยาเสพติด อาทิ การอ้างว่าปุ๊นทำให้งบประมาณดูแลผู้ป่วยจิตเวทเพิ่มขึ้น 15,000 ล้านบาทนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะตรวจพบงบประมาณเพียง 70 ล้านบาท ขณะที่การอ้างว่าปุ๊นทำให้ตัวเลขผู้ป่วยทางจิตเพิ่มขึ้น 48,000 คนนั้น พอไปดูจริงมีเพิ่มขึ้นแค่หลัก 1,000 คน จึงถือเป็นเรื่องใหญ่ที่มีการใช้ความเท็จมาบิดเบือนข้อมูล เราจึงมายื่นนายกรัฐมนตรีให้นำไปใช้ประกอบการพิจารณาของ ปปส.

“เรื่องปกติของกัญชาทั่วโลก มีทั้งฝ่ายต้าน และ ฝ่ายหนุน แต่เรื่องใหญ่ที่สุดคือเรื่องเท็จและเรื่องจริง ปัญหาคือตอนนี้กระทรวงสาธารณสุขและเครือข่าย นอกจากไม่บอกข้อดีของปุ๊นแล้ว ยังเลือกที่จะนำเสนอแต่ข้อมูลฝ่ายต่อต้านปุ๊นและผลเสียเพียงอย่างเดียว ซึ่งพบว่าหลายเรื่องมีเป็นความเท็จ วันนี้มีการเลือกใช้ข้อมูลเท็จ ถ้าท่านยืนยันว่าจริง เราพร้อมดีเบททุกเวที แล้วเอาหลักฐานมากางให้ประชาชนรู้ ท้ากลุ่มเยาวชน-กลุ่มต่อต้านปุ๊นทุกกลุ่มมาเปิดเวทีดีเบตกัน ไปท้าที่ไหนก็ยังไม่เห็นสักราย ผมท้าเอาหลักฐานวิชาการมาสู้กัน” ดร.ปานเทพ กล่าว. รายงานข่าวจาก Channel Weez Thailand ระบุว่า ศูนย์ศึกษาปัญหายาเสพติด จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยข้อมูลในปี 2567 ว่า กลุ่มผู้บริโภคปุ๊นเพิ่มสูงขึ้นในทุกช่วงอายุ 18-65 ปี โดยมีปริมาณการบริโภคเพิ่มขึ้น 25% สอดคล้องกับผลศึกษาที่พบว่าผู้ใช้ปุ๊นส่วนใหญ่ 84% ปลูกเพื่อใช้บริโภคในครัวเรือน ซึ่งตัวเลขสถิติที่ออกมาพิสูจน์ว่า ‘คนไทยส่วนใหญ่ใช้ปุ๊นเพื่อการแพทย์’ หรือคิดเป็น 75% ของผู้ใช้ทั้งหมด ขณะที่ผู้ใช้สันทนาการมีเพียง 25% เท่านั้น ตอกย้ำว่าข้ออ้างเรื่องการมีผู้ใช้เพิ่มขึ้นจึงต้องควบคุมนั้น ส่วนใหญ่เขาใช้เพื่อเชิงการแพทย์ แต่ไม่ได้ใช้เพื่อสันทนาการ ซึ่งรัฐบาลพยายามเหมารวมว่าคนใช้เพิ่มเป็นคนไม่ดีทั้งหมด ซึ่งเหมือนการอ้างว่าคนพรรคเพื่อไทยเป็นขี้ข้าทักษิณทั้งหมด ซึ่งไม่ตรงความหมายแน่นอน