สายเขียวพุ่ง 10 เท่า แตะ 11 ล้านคน ครองสัดส่วน 1 ใน 6 ของประชากรไทย.
1 min read
สายเขียวผงาด! ผู้ใช้ปุ๊นในไทยเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดแตะ 1 ใน 6 ของประชากรไทยทั้งหมด หรือราว 11 ล้านคน หลังเริ่มปลดล็อคปุ๊นมาได้ 3 ปี สร้างเม็ดเงินให้เศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 280,000 ล้านบาท ต่อยอด Soft Power สมุนไพรไทย กระหึ่มโลก!
.
นายแพทย์สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ปลดล็อคปุ๊นในปี 2565 พบว่ามีปริมาณสายเขียวผู้บริโภคปุ๊นเพิ่มขึ้นเป็น 11 ล้านคน จากตัวเลขเดิมเพียง 1 ล้านคน นับว่าเพิ่มขึ้น 10 เท่า (หรือคิดเป็นสัดส่วน 16% ของประชากรไทยจำนวน 66 ล้านคน) พร้อมตัวเลขสถานบริการทั่วประเทศมากกว่า 17,000 แห่ง
.
นางสาว ณัฐธัญรดี ปรีณาภาชัยสิริ แกนนำสหพันธ์ปุ๊นไทย เปิดเผยกับ Channel Weez Thailand ว่า คาดว่าเม็ดเงินในอุตสาหกรรมพืชเศรษฐกิจใหม่ 280,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นสุดยอดพืชเศรษฐกิจใหม่ที่ช่วยขับเคลื่อนจีดีพีประเทศไทย อีกทั้งยังตอกย้ำ Soft Power ตำรับยาสมุนไพรไทยที่มีมายาวนานมากกว่า 300 ปี ตั้งแต่ยุคพระนารายณ์ สะท้อนวัฒนธรรมและความผูกพันของคนไทยกับปุ๊นมายาวนานทั้งด้าน อาหาร สุขภาพและการรักษาโรค ไปจนถึงขอบข่ายที่เปิดกว้างให้แพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือกมีส่วนร่วมในการจ่ายยาและสารสกัดจากปุ๊น เพียงแต่เกณฑ์ควบคุมบางเรื่องที่ยังไม่สมเหตุสมผลและควรปรับให้สอดคล้องกับบริบทของผู้ประกอบการไทย
.
รายงานข่าวจาก Channel Weez Thailand ระบุว่า ศูนย์ศึกษาปัญหายาเสพติด จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยข้อมูลในปี 2567 ว่า กลุ่มผู้บริโภคปุ๊นเพิ่มสูงขึ้นในทุกช่วงอายุ 18-65 ปี โดยมีปริมาณการบริโภคเพิ่มขึ้น 25% คิดเป็นการเติบโตถึง 10 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงปี 2562 ซึ่งมีผู้ใช้เพิ่มขึ้นราว 2% เช่นเดียวกับตัวเลขผู้จดแจ้งปลูกปุ๊น ซึ่งล่าสุดพบว่าสูงกว่า 1 ล้านใบอนุญาต สอดคล้องกับผลศึกษาที่พบว่าผู้ใช้ปุ๊นส่วนใหญ่ 84% ปลูกเพื่อใช้บริโภคในครัวเรือน ซึ่งตัวเลขสถิติที่ออกมาพิสูจน์ว่า ‘คนไทยส่วนใหญ่ใช้ปุ๊นเพื่อการแพทย์’ หรือคิดเป็น 75% ของผู้ใช้ทั้งหมด ขณะที่ผู้ใช้สันทนาการมีเพียง 25% เท่านั้น สวนทางกับคำกล่าวโจมตีจากหมอที่สร้างภาพบิดเบือนด้อยค่าพืชเศรษฐกิจใหม่ นอกจากนี้เมื่อเปรียบเทียบตัวเลขผู้ป่วยที่เข้ารับปุ๊นเพื่อรักษาโรคของไทย 250,000 คน มีปริมาณสูงกว่าประเทศที่ปุ๊นทางการแพทย์ก้าวหน้าอย่างแคนาดา 200,000 คน แต่ประเทศไทยมีสวัสดิการฟรีในระบบประกันสุขภาพแห่งชาติโดยประชาชนไม่ต้องเสียเงินสักบาท ไปจนถึงงานวิจัยปุ๊นรักษาโรคและงานวิจัยใช้ปุ๊นเพื่อบำบัดยาเสพติดอื่นๆ (Harm Reduction)
.
อย่างไรก็ตามปุ๊นไทยยังเป็น Soft Power ดึงดูดเม็ดเงินด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพได้อีกด้วย สอดคล้องกับนโยบายของนายกรัฐมนตรีของไทย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ต้องการพัฒนาระเบียงท่องเที่ยวภาคใต้ให้เป็นสถานท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก หรือ Global Wellness Destination เป็นหนึ่งในจุดขายฝั่งอันดามัน Andaman Wellness Tourism ซึ่งในปีที่ผ่านมาปุ๊นสร้างเม็ดเงินในภูเก็ตสูงถึงเกือบ 200,000 ล้านบาท ข้อมูลโดยนายกสมาคมปุ๊นภูเก็ต ปัจจุบันปุ๊นเพื่อการท่องเที่ยวของไทยแตกแขนงไปยังธุรกิจบริการเกี่ยวเนื่องจำนวนมาก ตั้งแต่สถานบันเทิง อีเวนท์ การจัดประชุม MICE ไปจนถึง Wellness Spa ตลอดจนด้านอาหารไทยที่ขึ้นชื่อเป็นอันดับต้นๆของโลก ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในไทยแล้วไม่ว่าจะ Summit การประชุมปุ๊นระดับโลก และงานเฟสติวัลฮิปฮอปสายเขียว Rolling Loud ที่โด่งดังมาก ในวันนี้สถานบริการสมุนไพรในไทยมีทุกสไตล์อาจจะหลากหลายที่สุดในโลก ยึดหัวหาดแหล่งท่องเที่ยวทุกหนแห่ง ขณะที่คนอเมริกาเพิ่งจะดีใจที่ California จะได้ปลดล็อกทำคาเฟ่แบบอัมสเตอร์ดัมเป็นครั้งแรก