เปิดโปงขบวนการกัญชาเถื่อนต่างด้าว ต้นเหตุที่คนไทยต้องรับผลกรรม
1 min read
เปิดปมฉาว ‘กัญชาต่างด้าว’ แย่งงานคนไทย สุดท้ายสายเขียวต้องมารับผลกรรม ขบวนการกัญชาเถื่อนใต้ดินได้กอบโกยเงินจากคนไทยไปแล้วหลายแสนล้านบาทตั้งแต่ปลดล็อกเสรี ทั้งในรูปแบบธุรกิจนอมินี แรงงานเถื่อนไม่มีใบอนุญาต การฟอกเงินธุรกิจสีเทา ไปจนถึงชบวนการลักลอบส่งออกใต้ดิน จนกลายเป็นข่าวฉาวโฉ่ไปทั่วโลก ปัจจุบันประเทศไทยคือ Hotspot ที่ชาวต่างชาติยึดเป็นฐานผลิตกัญชาเพื่อส่งออก ขณะที่ยอดแรงงานต่างด้าวพุ่งทะยานสูงสุดในช่วงปีที่ผ่านมา บีบให้รัฐบาลต้องเลือกแก้ปัญหาผิดวิธี คือการเอาภาระมาลงที่คนไทย
.
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ( ป.ป.ส.) ประเมินการส่งออกกัญชาใต้ดินจากไทยสูงถึงปีละ 95,000 กิโลกรัม หรือเฉลี่ยมีการลักลอบวันละกว่า 100 กิโลกรัม ซึ่งประเมินมูลค่าที่ปลายทางจะสร้างเม็ดเงินมากกว่า 5,000 ล้านบาทต่อวัน หรือสามารถทำให้ใครสักคนเป็นเศรษฐีได้ชั่วพริบตาในการขนกัญชาเพียงครั้งเดียว มันจึงดึงดูดให้ไทยเป็น Hub & Hotspot โดยมีจุดพักของอยู่ในประเทศอังกฤษ สหราชอาณาจักรและประเทศอินเดีย ซึ่งนายเจมาล จานาเซีย อดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจอังกฤษ ได้เปิดเผยกับสื่อชื่อดังว่า ขบวนการดังกล่าวมีการว่าจ้างหนุ่มสาวชาวอังกฤษที่มีรายได้น้อยหรือกลุ่มแบ็คแพ็ค (Backpacker Tourist) โดยเสนอทริปท่องเที่ยวไทยฟรี-โรงแรมหรู-อาหารเลิศ-เงินเบี้ยเลี้ยงหลักแสนบาท เพื่อล่อใจให้ชาวสัญชาติอังกฤษอินเดียขนกัญชาไทยกลับประเทศโปรโมทผ่านกลุ่มลับในแอปพลิเคชั่น Telegram อีกทั้งบางส่วนยังเข้ามาฝังตัวตามแหล่งท่องเที่ยวดังในไทยเพื่อยื่นข้อเสนอให้กับกลุ่มแบ็คแพ็คที่มาท่องเที่ยวไทย เช่น ในพื้นที่เกาะสมุยและภูเก็ต เป็นต้น นั่นคือหนึ่งสาเหตุที่มีข่าวกัญชาไทยถูกจับที่สนามบินทั่วโลกหลายประเทศแทบทุกวัน
.
สำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐฯ (DEA) เปิดโปงขบวนการทุนสีลักลอบปลูกกัญชาเถื่อนซึ่งคล้ายกับที่เกิดขึ้นในประเทศไทยว่า ทุนสีเทาเหล่านี้มักเป็นทุนจีนและเวียดนามที่เข้ามากว้านซื้อที่ดินขนาดใหญ่ในเมืองที่กัญชาถูกกฎหมาย เรียกได้ว่าปลูกกันเป็นโกดังเลยทีเดียว แต่จะปลูกแบบไม่มีใบอนุญาตและปลูกเกินจำนวนที่กำหนด หรือผลิตปริมาณจำนวนมากจึงสวนทางกับความใส่ใจและคุณภาพที่ควรจะเป็นตามกฎหมาย มีการใช้ปุ๋ยยาที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพเพื่อเพิ่มขนาดผลผลิตให้หน้าตาดูดีเพื่อแข่งกับนักปลูกสัญชาติท้องถิ่น โดยเน้นระบายสินค้าส่งออกประเทศที่สามและเน้นระบายไปยังตลาดใต้ดินในประเทศแบบกดราคาคู่แข่ง (Price Dumping) เพราะไม่ต้องแบกต้นทุนสูงเหมือนคนทำถูกกฎหมาย อาทิ ต้นทุนใบอนุญาต ต้นทุนภาษี ต้นทุนค่าแรงงานคนไทย เป็นต้น ดังนั้นฟาร์มต่างด้าวสีแหล่านี้มักใช้แรงงานเถื่อนสัญชาติเดียวกันและแรงงานต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาต เพื่อที่จะกดขี่พวกเขาได้เต็มที่และบ่อยครั้งไม่มีการจ่ายค่าจ้าง คล้ายกับขบวนการค้ามนุษย์ที่หลอกให้มาทำงานในโรงงานนรก ดังนั้นโกดังปลูกกัญชาขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นรอบปริมณฑลกรุงเทพนั้นจะเป็นของทุนสีเทาต่างด้าวมากน้อยแค่ไหน ในพื้นที่ นนทบุรี-ปทุมธานี-สมุทรปราการ-สมุทรสาคร ยังไม่นับรวมนายทุนฝรั่งต่างชาติที่มีธุรกิจนอมินีฝังตัวอยู่ในเมืองท่องเที่ยวต่างๆ อาทิ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี และชลบุรี
.
หนึ่งในหลักฐานเรื่องนี้สะท้อนผ่านตัวเลขแรงงานต่างด้าวในปี 2567 ซึ่ง นายอนันต์ นาคนิยม ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ระบุว่า ตัวเลขแรงงานต่างด้าวในอีสานเพิ่มขึ้นสูงอย่างไม่เคยมีมาก่อน โดยในจังหวัดชัยภูมินั้นพบว่า ยอดแรงงานต่างด้าวใหม่พุ่งสูงกว่า 50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งส่วนใหญ่คือชาวเวียดนาม สอดคล้องกับข้อร้องเรียนของชาวบ้านในแถบอีสานพบว่ามีการลักลอบเข้ามาปลูกโดยชาวเวียดนามจำนวนมากและส่วนใหญ่ไม่มีใบอนุญาตทำงาน โดยเจ้าหน้าที่ปกครองท้องถิ่นในจังหวัดมุกดาหารพบว่า ฟาร์มเถื่อนส่วนใหญ่ทำเป็นขบวนการแบบนอมินีคนไทยบังหน้า แล้วให้ชาวต่างชาติเข้ามาดำเนินการปลูก-บริหาร-จำหน่ายทั้งระบบ จึงเป็นช่องว่างให้ชาวต่างชาติเข้ามาสวมสิทธิ์ชาวไทยเพื่อปลูก ยิ่งไปกว่านั้นผู้มีอำนาจในไทยรับรู้เรื่องนี้เสมอมาโดย นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เคยมอบนโยบายว่าธุรกิจกัญชาในไทยผู้ที่ได้รับประโยชน์ควรเป็นคนไทยมากที่สุด ไม่ใช่ทำเรื่องกัญชาแล้วเป็นคนต่างชาติที่ได้ประโยชน์ แต่คนไทยกลับเสียประโยชน์
.
เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ แน่นอนว่าส่วนใหญ่ไม่ใช่ความผิดคนไทย แต่รัฐกลับอ้างเพื่อนำมาคุมเข้มการใช้ในประเทศ กลายเป็นภาระมาตกอยู่ที่คนไทย ทำไมสายเขียวต้องมารับกรรม ถูกบังคับเป็นผู้ป่วย ???