วิจัยโลกชี้ ‘กัญชาปลอดภัยกว่าสุรา’ เทียบเกิดอุบัติเหตุน้อยกว่า 300%
1 min read
วารสารชื่อดังระดับโลก the American Medical Association (JAMA) เปิดเผยผลวิจัยล่าสุดโดยเปรียบเทียบอัตราในการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนระหว่างกัญชาและแอลกอฮอล์ ผ่านการเก็บตัวอย่างเลือดของผู้ประสบอุบัติเหตุกว่า 8,300 คน พบว่าอัตราการเกิดอุบัติเหตุของผู้ใช้กัญชา ‘น้อยกว่า’ ผู้ดื่มแอลกอฮอล์ 3 เท่า คิดเป็น 300% ซึ่งการวัดผลดังกล่าวสอดคล้องกับค่ามาตรฐานตามกฎหมายที่กำหนดให้ผู้ขับขี่ห้ามมีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 0.08 percent และห้ามมีสารกัญชา THC ในเลือดเกินกว่า 5 ng/mL
ความน่าสนใจของงานวิจัยชิ้นนี้อยู่ที่การระบุพฤติกรรมการขับขี่ ซึ่งพบว่าผู้ใช้กัญชาจะมีพฤติกรรมการขับขี่ที่ปลอดภัยกว่าการดื่มสุรา เช่น สายเขียวมักขับรถช้ากว่าค่าเฉลี่ยที่กำหนด และ การบริโภคกัญชาอาจเกี่ยวข้องกับความตระหนักในการขับขี่มากขึ้น ซึ่งสายเขียวส่วนใหญ่มักจะเว้นระยะห่างคันรถมากกว่าค่าเฉลี่ย ตลอดจนมีทักษะทางจิตพลศาสตร์ (psychomotor skills) ที่จำเป็นต่อการขับขี่อย่างปลอดภัย อาทิ เวลาตอบสนองและความสามารถของผู้ขับขี่ในการรักษาตำแหน่งเลน ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับเอฟเฟคต์ของกัญชาที่ช่วยให้ผ่อนคลายใจเย็น ขณะที่พฤติกรรมผู้ดื่มสุราพบว่ามักจะมีการขับขี่ด้วยความก้าวร้าวมากมากขึ้น และมีโอกาสเกิดความประมาทเลินเล่อที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่งานวิจัยยังเตือนว่า การใช้กัญชาร่วมกับแอลกอฮอล์นั้นพบว่ามีอัตราการเกิดอุบัติเหตุสูงที่สุด
หนึ่งในข้อถกเถียงเรื่องการบังคับใช้กฎหมายขับขี่กับสายเขียวนั้นอยู่ที่มาตรวัดความผิดนั้นจะกำหนดให้สอดคล้องกับบริบทได้อย่างไร ซึ่งงานวิจัยชิ้นนี้พบว่าผู้ขับขี่ที่เป็นสายเขียวส่วนใหญ่ตรวจพบสารกัญชาในเลือดจริง แต่เป็นการบริโภคที่เกิดขึ้นมาข้ามวันแล้ว หรือบริโภคมาหลายชั่วโมงแล้วก่อนการขับขี่ เช่นเดียวกับพฤติกรรมการบริโภคที่พบว่า คนรุ่นใหม่ Gen Z ช่วงอายุ 19-24 นั้นหันมาใช้กัญชามากขึ้นกว่าการดื่มสุรา เมื่อดูจากปริมาณการตรวจพบจากกลุ่มตัวอย่างที่มากกว่าอย่างมีนัยยะสำคัญ
ดังนั้นทีมนักวิจัยชิ้นนี้จึงสรุปผลเอาไว้ว่า การดื่มสุรามีโอกาสเกิดอุบัติเหตุทางท้องถนนสูงกว่าการบริโภคกัญชา ขอบคุณที่มาของงานวิจัยเรื่อง “Prevalence of impairing substance use in injured drivers” สามารถค้นหาได้ที่ JAMA Network Open และ NORLM ::: https://norml.org/…/analysis-alcohol-poses-a-greater…/