สายเขียวผงาด! ยอดผู้ใช้กัญชามากกว่านักดื่มสุรา 3 เท่าตัว

มหาวิทยาลัยมิชิแกน (University of Michigan) เปิดเผยผลการศึกษาที่สนับสนุนโดยรัฐบาลสหรัฐฯ ผ่านประชากร 20,000 กลุ่มตัวอย่างพบว่า ประชากรวัยรุ่นอายุ 19-30 ปี มีผู้ใช้กัญชาเป็นประจำ 10.4% คิดเป็นประมาณที่สูงกว่า 3 เท่าตัว เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ดื่มสุราเป็นประจำซึ่งอยู่ที่เพียง 3.6% สอดคล้องกับผลการศึกษาประชากรวัยกลางคนอายุ 35-50 ปี พบว่าผู้ใช้กัญชาเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนมีสัดส่วนเท่ากับผู้ดื่มสุราเป็นประจำที่ 7.8%

ผลวิจัยดังกล่าวสรุปเพิ่มเติมว่าในช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมาระหว่างปี 2013-2023 ยอดผู้ที่หันมาใช้กัญชาทดแทนการดื่มสุราเพิ่มขึ้นมากถึง 75% หรือคิดเป็นค่าเฉลี่ยปีละ 4.4% โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่าง Gen Y ไปจนถึง Gen Z ซึ่งคนสมัยใหม่เลือกใช้กัsชามากกว่าสุราอย่างเห็นได้ชัด เช่น ในช่วงหลังเทศกาลปีใหม่ หรือ Dry January ดันยอดขายกัญชาเติบโตในหลายรัฐ โดยงานวิจัยของ สมาคมการแพทย์อเมริกัน (American Medical Association) ระบุว่า ผู้ใช้ส่วนใหญ่ให้เหตุผลด้านการส่งเสริมสุขภาพมีความปลอดภัยกว่าการดื่มสุรา

การเพิ่มขึ้นของประชากรสายเขียวดังกล่าวส่งผลให้ยอดนักดื่มสุราลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาหลังปลดล็อกกัญชาเสรีพบว่าคนวัยหนุ่มสาวดื่มสุราลดลงมากถึง 35% ขณะที่ประชากรวัยกลางคนอายุ 35-50 ปี มียอดการดื่มสุราลดลงถึง 20% ขณะที่ยอดสายเขียวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากยุคโควิด-19 พร้อมกับความหลากหลายของผลิตภัณฑ์สมุนไพรร่าเริงที่มีทั้ง ดอกไม้ อาหาร ของแปรรูป เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง อาหารเสริม ไปจนถึงการปลดล็อดคาเฟ่สันทนาการ Amsterdamn style ในอีกหลายเมือง

ขณะที่ผลวิจัยจากสถาบันแห่งชาติของอเมริกา (the National Institute on Drug Abuse) ระบุชาวอเมริกันส่วนใหญ่บริโภคกัญชามากกว่าดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำเนื่องจากสุรามีประโยชน์น้อยกว่าสมุนไพรอย่างกัญชา สอดคล้องกับงานวิจัยของสำนักข่าวชื่อดัง Bloomberg ซึ่งระบุว่าการใช้กัญชาทดแทนแอลกอฮอล์ “เพิ่มสูงขึ้น” อย่างมีนัยยะสำคัญ เนื่องจากกระแสการปลดล็อกเสรี ประชากรเข้าใจประโยชน์ของสมุนไพรมากขึ้นส่วนใหญ่จึงเปลี่ยนความคิดที่เคยกลัวกัญชา อีกทั้งสายเขียวจำนวนมากยังกล่าวในแบบสำรวจดังกล่าวด้วยว่าพวกเขาใช้กัญชาทดแทนการดื่มสุรา-ยาเคมีแก้ปวด