ส่องโมเดลกัญชา ปลดล็อก 5 ปี “เจ๊งระนาว”
1 min read
ส่องโมเดลกัญชา ปลดล็อก 5 ปี “เจ๊งระนาว” เหตุรัฐตั้งมาตรฐานสูง ฉุดอุตสาหกรรมสายเขียว
ไทยดูไว้! ถอดบทเรียนเสรีกัญชาแคนาดา 5 ปี ตั้งเงื่อนไขกฎหมายควบคุมเข้มงวด ผลคือธุรกิจแห่เจ๊งตั้งแต่รายใหญ่ไปจนถึงรายย่อย ซ้ำแก้ปัญหาตลาดใต้ดินไม่ได้
อุตสาหกรรมกัญชากำลีงหนีตาย เผชิญปัญหารอบด้านจากมาตรฐานการควบคุมและกฎหมายกัญชาที่ตึงเกินไป แม้กัญชาจะสร้างรายได้ให้เศรษฐกิจชาติไม่ต่ำกว่า 1 ล้านล้านบาท แต่มาตรฐานที่สูงทำให้ผู้ประกอบการถูกกฎหมายตายลงเรื่อยๆ
นาย George Smitherman นายกสมาคมกัญชาแคนาดาเล่าถึงตลาดกัญชาแคนาดาที่คล้ายคลึงกับประเทศไทยในช่วงเริ่มต้น กล่าวว่า เมื่อครั้งเปิดเสรีใหม่ๆ กัญชาแคนาดาขาดตลาดหนักมาก ร้านทุกแห่งประสบปัญหาขาดแคลนสินค้า แต่เมื่อรัฐบาลตั้งเงื่อนไขที่สูงขึ้นเรื่อยๆ เช่น ห้ามโฆษณา ห้ามขายออนไลน์ ตั้งเงื่อนไขหีบห่อผลิตภัณฑ์ที่ต้องเป็นของรัฐ ไปจนถึงการห้ามโฆษณาสินค้าในสถานที่และห้ามติดตั้งป้ายหน้าร้าน ควบคุมค่าสาร THC ในสินค้า เป็นต้น ทั้งหมดนี้เป็นต้นทุนที่สูงลิบและเป็นภาระทางภาษีของผู้ประกอบกิจการโดยถูกกฎหมาย ขณะที่ตลาดกัญชาใต้ดินอาศัยความได้เปรียบจากการหลีกเลี่ยงเกณฑ์ควบคุมและเสนอขายกัญชาที่ราคาต่ำกว่าตลาดถูกกฎหมาย ส่งผลให้สัดส่วนตลาดกัญชาใต้ดินยงคงยืนแข็งแกร่งที่ 30% จากเม็ดเงินในอุตสาหกรรมทั้งหมด
กรณีศึกษาของสภาวะพังทลายของอุตสาหกรรมกัญชาคือบริษัทยักษ์ใหญ่ของแคนาดา 2 แห่ง ได้แก่ Aurora Cannabis และ Canopy Growth ได้ประกาศปิดกิจการและโรงงานหลายแห่ง รวมถึงปลดพนักงานออกหลายพันคน ลุกลามไปจนถึงประกาศเลิกปลูกกัญชาหันไปปลูกกล้วยไม้ขายแทน หลังจากรายงานตัวเลขกำไรในช่วงหลังระบุว่า “กำไรน้อยมากและแทบจะไม่มีกำไรจากการประกอบกิจการ”
ไม่แตกต่างจากธุรกิจกัญชาส่วนใหญ่ในแคนาดา ซึ่งสำนักวิจัยพบว่า กิจการกัญชาถูกกฎหมายเพียง 20% ที่ยังคงมีเงินทุนหมุนเวียนในแง่ดี หรือพูดง่ายๆว่าอัตราการเหลือรอดมีเพียง 2 ใน 10 ของทั้งหมด ดังนั้นปัญหาจึงอยู่ที่นโยบายของรัฐที่มุ่งเน้นไปด้านสุขภาพแต่ไม่พัฒนาด้านพืชเศรษฐกิจใหม่ จนเกิดเป็นกฎหมายควบคุมมากมายที่ย้อนกลับมาทำลายอุตสาหกรรมเสียเอง ซ้ำยังเปิดช่องให้กัญชาใต้ดินเฟื่องฟู เมื่อผู้ใช้สามารถซื้อได้อย่างสบายจากโลกออนไลน์ ในราคาที่ถูกกว่าหน้าร้าน แถมยังได้ของที่เมากว่าอีกด้วย
อีกปัญหาที่เด่นชัดคือผลผลิตกัญชาที่ส่งออกไปขายนอกประเทศไม่ได้ เนื่องจากรัฐบาลไม่ค่อยอนุญาตให้ทำการส่งออก จึงประสบปัญหาสินค้าล้นตลาด ร้านกัญชาผุดไปทุกหนแห่ง ผู้ประกอบการดัมซ์ราคาแข่งขันฆ่ากันเอง สุดท้ายเหลือส่วนที่ไปรอดแค่ 20% ขณะที่ตลาดโลกในภาพรวมก็ยังไม่ชัดเจนเรื่องการค้ากัญชาระหว่างประเทศ ปัจจุบันแคนาดามีร้านค้ากัญชาที่ได้รับอนุญาต 3,600 แห่ง และมีแหล่งเพาะปลูกกัญชาที่ได้รับอนุญาต 960 แห่ง
นี่คืออีกหนึ่งตัวอย่างให้ประเทศไทยได้ถอดบทเรียน การกำหนดกฎเกณฑ์มาตรฐานกัญชาจะต้องสอดคล้องกับการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม และที่สำคัญต้องไม่ริดรอนสิทธิ์สายเขียวและทำลายวิถีชีวิตของการใช้ยาสมุนไพรที่สืบต่อกันมาช้านานในบ้านเรา กัญชาในประเทศไทยก้าวหน้าไปมากแล้ว การใช้กฎล้าหลังมาควบคุม รังแต่จะฉุดความเจริญก้าวหน้าของอุตสาหกรรมกัญชา ซึ่งทั่วโลกยกให้ไทยเป็น Amsterdam of Asia
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก BBC
Rolling Stone, The New York Times